คดีพลิก จ่าปลั๊กเปิดใจ โต้แต่งซ้อน
จากกรณีนางสาวสุภัคพร หรือ น้องพิม ชาวบ้านแม่ปุง ต.น้ำโจ้ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ภรรย าของทหารชื่อปลั๊ก ทหารในสังกัดค่ายทหาร จ.อุบลราชธานี เปิดเผยกับอมรินทร์ทีวีว่า สามีซึ่งได้จดทะเบียนสมรสกันเมื่อปี 2554 และมีบุตรชายด้วยกัน 2 คน คนเล็กอายุประมาณ 6 เดือน คนโตอายุประมาณ 8 ขวบ ได้ไปแอบหนีแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่ง อายุประมาณ 27 ปี ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เมื่อประมาณ 1 ปีกว่าแล้ว
วันที่ 26 ก.พ. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่ จ.อุบลราชธานี นายบาส (นามสมมติ) เพื่อนของทหารปลั๊ก เปิดเผยว่า เมื่อปลายปี 2561 จ่าปลั๊กได้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับน้องเบอรี่ ขอยืนยันว่านางสาวพิม ภรรยาหลวง ก็รับมาตั้งแต่แรก กระทั่งวันที่ 10 พ.ย. 2562 นางสาวพิมก็รับรู้ว่าทหารปลั๊กมีการผูกแขนกับน้องเบอรี่ ซึ่งพิมกับปลั๊กก็ยังอยู่ด้วยกันตามปกติ จนกระทั่งพิมมีลูกคนที่ 2 เมื่อมีนาคม 2563
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34
ช่วงที่พิมมีลูกคนที่ 2 เมื่อเดือนมีนาคม 2563 พิมได้เข้ามาร้องเรียนที่ค่ายทหาร กรณีที่ปลั๊กไปมีภรรย าอีกคน พร้อมกับขอค่าเลี้ยงดูบุตรจากทางค่าย ซึ่งตอนนั้นทางหน่วยของค่ายทหาร ได้รับเรื่องตามคำเรียกร้องของพิม และไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนปลั๊ก ผลการสอบสวนขณะนั้น ค่ายได้ลงโทษปลั๊กในความผิดวินัยทหารที่ปลั๊กไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรย าที่จดทะเบียนสมรส หน่วยจึงทำการจำขั ง 30 วัน และลดค่าบำเหน็ด
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34
กระทั่งครั้งล่าสุดก่อนมิถุนายน 2563 พิมได้เรียกร้องให้ปลั๊กมีค่าสินไหมดูแลบุตร 500,000 บาท พิมจะทำการเซ็นใบหย่าให้ปลั๊ก ซึ่งปลั๊กเป็นคนขอหย่าพิมในครั้งแรก และในข้อสัญญาที่พิมเรียกร้อง ถ้าปลั๊กไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องได้ ปลั๊กจะต้องออกจากราชการทหาร ซึ่งปัจจุบันปลั๊กกำลังอยู่ในขั้นตอนถึงทำเรื่องลาออก
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34
นอกจากนี้ ที่สังคมสงสัยเรื่องค่าเลี้ยงดูบุตรคนที่ 2 ที่พิมคลอดนั้น ขอชี้แจงว่าทางค่ายทหารมีการอนุมัติตามคำเรียกร้องพิม และมีการจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรให้พิม โดยวิธีให้พิมมารับเงินด้วยตัวเอง และวิธีการโอนเงินให้พิมตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2563 ถึงปัจจุบันตามตกลงเดือนละ 3,000 บาท
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34
เงินดังกล่าวทางค่ายหักจ่ายให้พิมจากเงินเดือนของปลั๊ก รายละเอียดการจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูบุตรให้พิม เดือนมิถุนายน - เดือนสิงหาคม 2563 จำนวน 3,000 บาท, เดือนกันยายน 2563 จำนวน 1,500 บาท, เดือนตุลาคม 2563 - เดือนกุมภาพันธ์ 2564 จำนวน 2,000 บาท ซึ่งในบางเดือนที่ทางค่ายจ่ายเงินให้นางพิมไม่ครบ 3,000 บาท ทางค่ายก็ได้โอนชดเชยคืนย้อนหลังแล้ว 2 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 6,500 บาท และ 2,000 บาท โดยโอนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564
และวันที่ 8 เดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ปลั๊กได้เจรจากับพิม มีการจ่ายเงินให้พิมจำนวน 10,000 บาท เพื่อเป็นค่าเดินทางให้พิมกลับบ้าน ในข้อตกลงพิมได้ร้องเรียนตั้งแต่แรกว่าถ้าปลั๊กจ่ายเงิน 500,000 บาทไม่ได้ตามคำเรียกร้อง ปลั๊กจะต้องลาออกจากราชการ ปัจจุบันปลั๊กก็ได้ยื่นใบลาออกแล้ว แต่ทางค่ายอยู่ระหว่างรอดำเนินการตามขั้นตอน ทางค่ายจะไม่มีสิทธิให้ลาออกได้ทันทีทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีหลักฐานชัดเจน ที่ผ่านมาทางค่ายช่วยเหลือพิมมาตลอดเท่าที่หน่วยจะสามารถช่วยได้ ที่ผ่านมาพิมและเบอรี่ เขาจะส่งข้อความไปหากัน มีสงครามทางจิตวิทยามาตลอด และตนคิดว่าปลั๊กเขาเป็นคนมีโลกสองใบ ตนก็ยังงงอยู่ว่าช่วงที่เกิดเรื่องแรก ๆ ปลั๊กขอหย่าพิม ทำไมพิมไม่หย่าตั้งแต่แรก
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34
จ.ส.อ.ธนารัตน์ หรือ ปลั๊ก สามีของนางสาวพิม เปิดเผยว่า ตั้งแต่เป็นข่าวตอนนี้ตนสภาพจิตใจย่ำแย่ ที่พิมเตรียมจะฟ้องร้องตน และน้องเบอรี่นั้น ตนก็รู้สึกเสียใจว่าคนที่เคยอยู่ด้วยกันมามีลู กด้วยกัน จะไม่มีความอะลุ่มอล่วยกันเลยหรือ ตนยอมรับว่าตนกระทำผิดจริง ไม่ใช่ว่าตนไม่อยากรับผิดชอบ โดยช่วงปี 2560 ตนเองได้มีปัญหาทะเลาะกันกับนางสาวพิม ทำให้พิมขนของย้ายกลับไปอยู่บ้านเกิดที่ จ.ลำปาง หายไปจากชีวิตตน 1 ปี ตนพยายามติดต่อหาพิมตลอด แต่เขาก็บล็อกเบอร์โทรศัพท์ตน ทำให้ตนต้องใช้ชีวิตอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี คนเดียวตามลำพัง พ่อและแม่ของตนทนเห็นตนอยู่คนเดียวไม่ได้ กลัวว่าตนจะเป็นโรคซึมเศร้า จึงพาตนไปไหว้พระทำบุญ ในช่วงที่พิมไม่อยู่กับตน ตนคิดถึงลูกคนแรกของตนมาก
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34
ในระหว่างที่พิมหายไปจากชีวิต ตนได้ตระเวนเที่ยว ทำบุญ จนทำให้ตนไปเจอกับน้องเบอรี่ ประมาณช่วงปลายปี 2560 และหลังจากนั้นตนกับเบอรี่ก็ได้พูดคุยกัน จนคบหากัน และกินอยู่ด้วยกัน ต่อมาต้นปี 2561 พิมได้กลับมาหาตนที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งรอบนี้พิมก็รู้ว่าตนได้คบหากับน้องเบอรี่ เบอรี่ก็ได้ตั้งครรภ์ 4 เดือนกับตนแล้ว ตนก็มีความเป็นห่วงลูกที่อยู่ในครรภ์ของน้องเบอรี่ และตอนนั้นตนก็รู้สึกสับสนในชีวิตหลายอย่าง จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมพิธีหมั้นกับน้องเบอรี่ เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 62 เพราะตนเป็นลูกผู้ชาย ตนต้องรับผิดชอบ ตนกลัวว่าน้องเบอรี่จะถูกชาวบ้านประจาน ขอยืนยันว่าพิมรู้มาตั้งแต่ตอนแรกว่าตนคบหากับน้องเบอรี่
กรณีที่พิมออกมาให้ข่าวว่าตนทำร้ายร่างกายพิมจนทำให้พิมหนีกลับบ้านนั้น ขอยอมรับว่าที่ตนตบตีพิม เพราะตนและภรรยาทะเลาะกันปกติของครอบครัวอยู่แล้ว ในช่วงปี 2561-2562 ที่พิมกลับมา ความรู้สึกตนที่มีให้พิมก็ไม่เหมือนเดิม เพราะตนต้องดูแลเอาใจใส่ลูกน้อยที่อยู่ในท้องเบอรี่ แต่พิมเขาก็อยากเปิดร้านขายของ ตนและพ่อแม่ก็หาเงินมาช่วยลงทุนให้เขาเปิดร้าน มีครั้งหนึ่งพิมดื่มเหล้าเมาจนรถยนต์ประสบอุบัติเหตุ ตนก็ไปหยิบยืมหาเงินมาซ่อมรถให้พิมกว่า 30,000 บาท
แต่เมื่อพิมเดินหน้าออกสื่อมาถึงขนาดนี้ ตนก็ต้องตัดสินใจหย่ากับพิม แต่ถ้าตนหย่ากับพิมแล้ว ตนจะไปจดทะเบียนสมรสกับเบอรี่เลยหรือไม่นั้น ตนก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้สภาพจิตใจน้องเบอรี่แย่มาก หลังโดนโจมตี ส่วนตอนที่ตนคบหากับเบอรี่ ทำไมเบอรี่ถึงโพสต์เฟชบุ๊กเหน็บแนมไปถึงพิม ซึ่งไม่ใช่น้องเบอรี่โพสต์กระทบพิมฝ่ายเดียว ช่วงนั้นพิมก็โพสต์ตอบโต้เบอรี่เหมือนกัน ตนก็ได้บอกทั้ง 2 ฝ่ายให้หยุดโพสต์ แต่ทั้งคู่ก็ไม่หยุดโพสต์
กรณีที่พิมออกมาให้ข่าวว่าช่วงเดือนมีนาคม 2563 พิมได้ตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2 กับตน และพิมได้ร้องเรียนมาทางค่าย แต่ค่ายปัดความรับผิดชอบนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตั้งแต่พิมร้องเรียนมา ทางค่ายดูแลพิมมาตลอด พิมร้องเรียนทางค่ายมา 5 ครั้ง ทำให้ตนถูกตั้งคณะกรรมการสอบวินัย ถูกลงโทษจำขัง 30 วัน จนตนต้องไปฝึกธำรงวินัยที่ จ.นครราชสีมา กับเรื่องราวของตนและพิม ตนรู้สึกผิดที่ทำให้หน่วยงานของตนต้องบอบช้ำ ตนจึงขอเสียสละด้วยการลาออก ที่ตนตัดสินใจลาออกเพราะตนไม่อยากให้กระทบต่อหน่วยงานต้นสังกัด ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ค่ายดูแลตนและพิมมากว่า 10 ปี แต่เขากลับมาทำกับค่ายแบบนี้ ตนรู้สึกแย่มาก
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34
ตนอยากจะบอกฝากถึงพิม ให้พิมหยุดออกสื่อได้แล้ว ถ้าพิมจะฟ้องร้องตนกับเบอรี่ ตนก็รู้สึกเครียดอยู่บ้าง แต่ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ตนอยากบอกลูกทั้ง 2 คนที่อยู่กับพิมว่า "พ่อคิดถึงลูก พ่อรักลูกทั้ง 2 คน" ในอนาคตตนสามารถเป็นเพื่อนกับพิมได้ เหตุการณ์ครั้งนี้ตนอยากบอกสังคมว่า ตนไม่อยากให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น เพราะทั้งตน พิม และคนรอบข้าง ต่างเสียหายกันทุกฝ่าย
ด้าน น.ส.พิม ภรรยาหลวง เปิดเผยว่า ตนอยากโต้แย้งว่าในช่วงเวลา 1 ปีที่ตนกลับไปอยู่ จ.ลำปางนั้น ตนไม่เคยรู้มาก่อนว่าสามีแอบมีผู้หญิงคนใหม่ แต่ยอมรับว่ามีระแคะระคายบ้าง แต่ในช่วงระหว่าง 1 ปีนั้น จ่าปลั๊กก็นั่งรถจาก จ.อุบลราชธานี ไปเยี่ยมตนที่ จ.ลำปาง ตลอด ซึ่งตนก็จ่ายเงินค่าเดินทาง 1-2 พันบาทให้ตลอด และกลับมาคบหากันอีกครั้ง แต่สุดท้ายตนก็เดินทางไปเซอร์ไพรส์จ่าปลั๊กที่ค่าย แต่ก็พบว่าสามีอยู่กับผู้หญิงอีกคน ตนก็รู้มาตั้งแต่ตอนนั้น ช่วงปลายปี 2562 จนถึงเดือนตุลาคม 2563 ตนก็ไม่เคยที่จะยินยอมและพยายามร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของสามีมาตลอด ส่วนการที่จ่าปลั๊กอ้างว่าป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจนต้องหาเมียใหม่นั้น ตนยืนยันได้ว่าตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน สามีไม่เคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
ในกรณีทางค่ายจ่ายค่าเยียวยานั้น สำหรับลูกชายคนแรกนั้น ตนได้เงิน 7-8 เดือน แต่ได้ไม่ครบ เพราะได้เงินแค่ 2,000 บาทต่อเดือน ทั้งที่ได้ตนเรียกร้องไปขอเงินเดือนละ 3,000 บาท ส่วนลูกคนเล็กนั้นตนไม่ได้เงินค่าเยียวยาจากค่ายทหารเลย เพราะจ่าปลั๊กไม่ได้มีการรับรองสิทธิ์ลูกข้าราชการให้กับลูกคนเล็ก
อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องที่จ่าปลั๊กลาออกนั้น ตนขอรอดูเอกสารก่อนว่าเขาลาออกจริงหรือไม่ แต่ตนกับเขาก็คงไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้อีก ถ้าเจอกันก็คงไม่มีเรื่องจะพูดคุยกันนอกจากพูดคุยเรื่องฟ้องร้อง เพราะที่ผ่านมาตนพยายามเรียกร้องให้เขากลับมาดูแล แต่เขาไม่เคยดูแล ซึ่งตนรู้สึกเจ็บปวดทรมานสาหัส เพราะเขาไม่เหลียวแล
ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34