ครอบครัวหัวร้อน ย้อนวีรกรรม
กรณีเพจเฟซบุ๊ก เจ้ม้อยv+ โพสต์คลิปวิดีโอ ครอบครัวหนึ่งซึ่งกำลังถกเถียงกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในลักษณะโมโห จนเจ้าหน้าที่ตำรวจขอกำลังเสริม พร้อมข้อความระบุว่า เธอและครอบครัวยังอยู่ เหตุเกิดที่ สน.ดินแดง ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่าครอบครัวดังกล่าวคือครอบครัวหัวร้อน ที่เคยก่อเหตุ ช ก หน้าตำรวจในพื้นที่จังหวัดระยองเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
ล่าสุดวันที่ 25 ก.พ.64 ทีมข่าวเดินทางมายัง สน.ดินแดง ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.โรมรัญ ศรีเรือง สารวัตรจราจร สน.ดินแดง เล่าเหตุการณ์ว่า เมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) เวลา 17.30 น. ร.ต.อ.ปองภพ แก้วคูณ รองสารวัตรจราจร สน.ดินแดง วิทยุแจ้งขอกำลังเสริมหลังมีการเรียกตรวจรถกระบะคันหนึ่ง แล้วเกิดการถกเถีย งกัน
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34
โดยเหตุเกิดที่ถนนอโศก-ดินแดง แยกแม่พระ มุ่งหน้าใต้ทางด่วนดินแดง ตนจึงส่งกำลังสนับสนุนไป 3 ชุด ชุดแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร 2 นาย ชุดที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 2 นาย และร้อยเวร 20 โดยก่อนเกิดเหตุรองสารวัตรจราจร สังเกตว่า มีรถกระบะ 4 ประตู ป้ายแดง เสริมคอก ขับมาโดยบรรทุกผู้โดยสารนับ 10 คน จึงเรียกตรวจตามมาตรการคัดกรอง CV19 ซึ่งรองสารวัตรจราจร สอบถามซักประวัติ และเรียกตรวจใบขับขี่คนขับ แต่อีกฝ่ายซึ่งคาดว่ามากันทั้งครอบครัว กลับโวยวาย ไม่ให้ความร่วมมือ พร้อมทั้งถกเถียงเจ้าหน้าที่ตำรวจจนต้องเรียกกำลังเสริม
ทั้งนี้จังหวะหนึ่งที่รองสารวัตรจราจรสอบถามว่า คนที่นั่งหลังกระบะเป็นคนไทยหรือเปล่า อีกฝ่ายก็ร้องเพลงชาติเสียงดัง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงถามว่า ร้องทำไม แค่สอบถาม อีกฝ่ายก็ถกเถียงตามที่ปรากฏตามคลิปดังกล่าว ซึ่งนายพยอม คนขับรถได้ด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยคำหยาบคาย เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ แต่อีกฝ่ายยังไม่ยอมรับ
จากนั้นตนเข้าไปที่เกิดเหตุ พร้อมแนะนำตัวว่าเป็นสารวัตรจราจร แจ้งว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ขอเชิญไปพูดคุยกันที่สน.ดินแดง แต่อีกฝ่ายระบุว่าขอปรึกษาทนายก่อน พร้อมขึ้นไปคุยกันในรถ จากนั้นนายพยอม ถือโทรศัพท์ออกมาให้ตนคุยบอกว่าปลายสายคือทนาย ซึ่งผู้ที่อ้างว่าเป็นทนายบอกว่า จะให้นายพยอม ขอขมาเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วจบเรื่อง ไม่อยากให้เป็นคดี
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34
จากนั้นตนเข้าไปที่เกิดเหตุ พร้อมแนะนำตัวว่าเป็นสารวัตรจราจร แจ้งว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ขอเชิญไปพูดคุยกันที่สน.ดินแดง แต่อีกฝ่ายระบุว่าขอปรึกษาทนายก่อน พร้อมขึ้นไปคุยกันในรถ จากนั้นนายพยอม ถือโทรศัพท์ออกมาให้ตนคุยบอกว่าปลายสายคือทนาย ซึ่งผู้ที่อ้างว่าเป็นทนายบอกว่า จะให้นายพยอม ขอขมาเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วจบเรื่อง ไม่อยากให้เป็นคดี
ทีมข่าว ได้พูดคุยกับ ร.ต.อ.ปองภพ แก้วคูณ รองสารวัตรจราจร สน.ดินแดง ซึ่งเป็นตำรวจที่อยู่ในคลิป กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) เวลา 17.30 น. ขณะยืนปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณถนนอโศก-ดินแดง แยกแม่พระ มุ่งหน้าใต้ทางด่วนดินแดง สังเกตว่ามีรถกระบะป้ายแดง เสริมคอกด้านหลังขับบรรทุกคนมาเกือบ 10 คน จึงเรียกตรวจ ตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวแบบผิดกฎหมาย ตามมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 เมื่อตนเรียกให้จอด ก็มีคนในรถพูดด้วยถ้อยคำหยาบคายว่า “ไอ้เหี้- เรียกตรวจทำไม” แต่ตนไม่สนใจ ขอตรวจใบขับขี่นายพยอม แสงวันดี ซึ่งเป็นคนขับรถ แต่อีกฝ่ายไม่ขอให้ตรวจ หลังจากนั้นก็มีการพูดคำหยาบ ด่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนแจ้งไปว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ฟัง มีการพูดเสียงดังและคำหยาบกันทั้งครอบครัว จนตนต้องเรียกกำลังเสริมให้เข้ามาช่วยควบคุมสถานการณ์
ในระหว่างนั้น คนที่นั่งท้ายกระบะได้ร้องเพลงชาติไทย เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นคนไทย เพราะลูกน้องตนแค่สงสัยว่าเป็นแรงงานต่างด้าวหรือไม่ ตนก็พยายามตั้งสติ ควบคุมอารมณ์ อีกฝ่ายก็พยายามยั่วยุ และใช้ผู้หญิงมากันไว้ข้างหน้า ไม่ให้ตนเข้าไปแตะตัวได้ โดยผู้หญิงในคลิป ซึ่งเป็นภรรยาของนายพยอม ก็พูดตอนแรกว่าจบกฎหมายมา มีความรู้เรื่องกฎหมาย รวมถึงกล่าวหาว่าตนใช้เสาวิทยุสื่อสารไปจิ้มหน้าอกระหว่างพูดคุย ซึ่งตนไม่มั่นใจว่าไปโดนตอนไหน
โดยตนเห็นหน้าผู้หญิงรายนี้ แล้วจำหน้าได้ว่าเคยมีข่าวเรื่องครอบครัวหัวร้อน จึงให้ลูกน้องถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงจึงสามารถคุมตัวทั้งหมดมาที่สถานีตำรวจได้ ระหว่างนั้นมีการขอประนีประนอมไม่ให้ตนดำเนินคดี แต่ตนไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะตรวจสอบแล้วพบว่าคนขับรถไม่มีใบอนุญาตขับขี่ รถที่ใช้เป็นป้ายแดงมาตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งผิดกฎหมาย และด่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงแจ้ง 3 ข้อหา แก่นายพยอม แสงวันดี ประกอบด้วยดูหมิ่นเจ้าพนักงานกำลังปฏิบัติหน้าที่ ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาติขับขี่ นำรถที่ยังไม่ได้จดทะเบียนเสียภาษีมาใช้ในทาง ทั้งนี้อยากฝากให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย และปกติความผิดกฎหมายจราจรเป็นแค่โทษปรับ แต่หากด่าเจ้าหน้าที่ ขัดขืนการจับกุมอาจเป็นเรื่องราวบานปลายได้
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับนายพยอม แสงวันดี ผู้ถูกกล่าวหา กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) ก่อนเกิดเหตุตนขับรถบรรทุกครอบครัวและลูกน้องรวม 12 คน มาจากที่ทำงานก่อสร้าง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจ ขอตรวจใบขับขี่ของตน ซึ่งตนยอมรับว่าไม่มีใบขับขี่ ระหว่างนั้นลูกน้องที่นั่งอยู่หลังกระบะ ตะโกนร้องเพลงชาติเสียงดัง เพื่อแสดงตัวว่าเป็นคนไทยหลังทราบว่าตำรวจเรียกตรวจต่างด้าว ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจถามว่า มึงร้องเสียงดังทำไมตนจึงโมโห ที่ตำรวจพูดด้วยเสียงดังในลักษณะตะคอก จึงเริ่มพูดคำหยาบ ใช้สรรพนามมึง กู กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาจจะหลุดคำด่าไปบ้างประมาณ 2 คำ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มเรียกกำลังเสริมเข้ามา ซึ่งตนก็แปลกใจเพราะตอนนั้นมองว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแค่พูดคำหยาบเท่านั้น
ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะแจ้งข้อหาไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งตนก็ยอมรับว่าไม่ได้ทำจริง นอกจากนี้ยังโดยข้อหานำรถที่ยังไม่ได้จดทะเบียนเสียภาษีมาใช้ในทาง ซึ่งเกิดจากการขับรถป้ายแดง ซึ่งเป็นป้ายแดงที่ใช้มาตั้งแต่ปลายปี 2561 โดยส่วนตัวก็ยอมรับว่าผิด เพราะตนชอบขี่รถป้ายแดง จึงยังไม่ได้ไปเปลี่ยน ซึ่งทั้ง 2 ข้อหาตนยิมจ่ายค่าปรับได้อยู่แล้ว
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34
แต่เหตุที่ต้องมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะไม่พอใจที่อีกฝ่ายมาตะคอกใส่ลูกน้อง และปกติตนเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ จึงเกิดเหตุดังกล่าว โดยน.ส.หทัยรัตน์ ภรรยาก็พยายามห้ามแต่ตนไม่ฟัง ส่วนคลิปที่ออกมาโดนวิพากษ์วิจารณ์ว่าทั้งครอบครัวช่วยกันไม่มีใครห้ามใคร ไม่เป็นความจริง เนื่องจากเป็นช่วงที่ภรรยาพยายามอธิบายตำรวจ ที่จะมาจับว่า ข้อหาเล็กนิดเดียวทำไมต้องจับใส่กุญแจมือ ทำไมไม่เอาหมายเรียกมาแล้วให้ไปรายงานตัวภายหลัง
นอกจากนี้ยังมีตำรวจยศนายสิบ ที่เข้ามาเสริมตะโกนใส่พวกตน เหมือนเสียงดังยิ่งยั่วยุ ตนจึงตะคอกกลับไปด้วยความโมโห ซึ่งอยากให้มองว่า ปกติคนเราถ้าไม่มีใครมาด่าก่อน หรือมีเหตุก่อน เราจะไปด่าเขาทำไม ตอนนี้ไม่ได้กังวลเรื่องการใช้ชีวิต หรือเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ คิดว่าหากตำรวจสุภาพก็คงไม่มีเรื่อง และต้องคุยกันดี ๆ ตนก็จะต้องยอมไม่ไปขยายความ ส่วนกรณีเหตุการณ์ที่ สภ.บางกรวย เมื่อเดือนที่แล้ว เป็นเหตุการณ์ที่ตนเคยเกือบขับรถชนคนในซอยเพราะซอยแคบ อีกฝ่ายเรียก 100,000 บาท แต่ตนไม่จ่ายมองว่ามากเกินไป หลังจากนั้นก็มีเรื่องกันเรื่อยมา มีเหตุการณ์ลักษณะมาปิดล้อม กล่าวหาว่าพวกตนพกปืนขู่ ทั้งที่ความจริงเป็นปืนเด็กเล่น แต่ตนไม่ขอให้รายละเอียดในเรื่องนี้ ทั้งนี้นายพยอม ระบุว่า ได้จ่ายค่าปรับเป็นเงิน 2,000 บาท ก่อนได้รับการปล่อยตัวออกมาจากศาลแขวงพระนครเหนือ
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34
ทั้งนี้นายพยอม แสงวันดี ให้สัมภาษณ์สดผ่านรายการทุบโต๊ะข่าว อมรินทร์ ทีวี ช่อง 34 ว่า คลิปที่เจ้าของตลาด ในพื้นที่ จ.ระยอง ขับไล่พวกตนออกจากพื้นที่นั้น สืบเนื่องจากวันดังกล่าวมีรถที่ขับเข้ามาทางออกของตลาด แล้วจะชนลูกของตน แทนที่คู่กรณีจะขอโทษกลับไม่ขอโทษ ตนเลยด่าหยาบคายออกไป ทำให้เจ้าของตลาดที่มีบ้านอยูตรงข้ามตลาดได้ยิน ตนก็เลยหัวร้อน ชาวบ้านจึงขับไล่พวกตนออกจากตลาดตามคลิปที่ปรากฏ และพวกตนก็กลายเป็นจำเลยสังคมแบบนี้มาตลอด "อะไรที่ผมทำไม่ถูก ผมก็ขอโทษสังคม หลังจากนี้พี่พาผมไม่ตรวจหน่อยได้ไหม ว่ามันเป็นเพราะสันดานตัวเอง หรือเป็นโรคจิต เพราะถ้าเราอยู่ดี ๆ และไม่เดินไปหาเรื่องใคร มันก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้" นายพยอม กล่าว
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34
นายวีระวัติ อาชีวะ ผู้ดูแลตลาดระยอง กล่าวว่า ตนยืนยันว่าที่นายพยอมเล่าว่ามีรถจะขับชนลูกเขาเป็นเรื่องไม่จริง เพราะพ่อแม่เด็กต่างหากที่ไม่ดูแลลูกตัวเอง ปล่อยให้เด็กวิ่งเล่นบริเวณทางออกของรถ อีกทั้งรถคู่กรณีก็ไม่ได้ขับเข้า แต่จะขับรถออกจากตลาด ซึ่งเมื่อเข้าไปเตือนปรากฏว่าภรรยาของนายพยอม กลับด่ากลับมาว่า อย่ามายุ่ง แต่ใช้ภาษาหยาบคายกว่านี้ ทำให้ทุกคนในตลาดพากันมาล้อมรถของครอบครัวหัวร้อนดังกล่าว ทั้งนี้มาทราบภายหลังว่า ครอบครัวดังกล่าว เคยก่อเหตุแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง พฤติกรรมแบบนี้คนในตลาดรับไม่ได้ จึงอยากให้เขาติดคุกดัดนิสัย ปรับพฤติกรรม เมื่อก่อนก็เคยอยู่ที่ จ.ระยอง ก็อยู่ไม่ได้ ต้องย้ายไปที่อื่น ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกหรือไม่
ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34