สาวใหญ่ยิ้มออกแล้ว หลังอำเภอรับปากจะทำบัตรที่ถูกสวมคืนให้ภายใน 3 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.ลำใย ธรรมดา อายุ 52 ปี ชาวบ้าน ต.แสลงพัน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ อาชีพรับจ้างทั่วไปทั้งตัดอ้อย ถอนมันสำปะหลัง และทำความสะอาดบ้าน ได้นำบัตรประจำตัวประชาชนใบเดิมที่เคยทำเมื่อปี 2545 พร้อมทั้งเอกสารหลักฐานยืนยันตัวตนว่าเป็นคนไทย ออกมาร้องขอความช่วยเหลือผ่านสื่อถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังเมื่อปี 2552 พบว่าตัวเองถูกลักลอบสวมบัตรประชาชน ทำให้ได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถใช้สิทธิ์รักษาพยาบาลตามโครงการ 30 บาทรักษาทุกอาการ
ซ้ำยังขาดโอกาสไม่ได้รับการช่วยเหลือจากโครงการของรัฐทุกโครงการ ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน รวมถึงเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดระบาด ยังถูกชาวบ้านหรือคนที่รู้จักล้อเลียนหาว่าเป็นคนเถื่อน คนต่างด้าว ทั้งที่ตนเองเป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์และปัญหาที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เกิดจากการกระทำของตนเอง ที่ผ่านมาเคยเดินเรื่องที่ที่ว่าการอำเภอลำปลายมาศ พาผู้ใหญ่บ้านไปรับรอง แต่ผ่านไปนาน 12 ปีแต่ก็ไม่มีความคืบหน้า
ล่าสุดหลังจากนายนำชัย วงวิลาศ ปลัดอาวุโสอำเภอลำปลายมาศ เป็นตัวแทนมารับเรื่อง และสอบปากคำทั้งจากตัวผู้ร้องที่ถูกสวมบัตร ญาติใกล้ชิด และผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงตรวจสอบเอกสารทั้งบัตรประชาชนใบเดิม วุฒิการศึกษาที่ผู้ร้องนำมายื่นประกอบ ก็เป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของบัตรตัวจริง หลังจากทำเอกสารเสร็จเรียบร้อยแล้วคาดว่าจะสามารถทำบัตรประชาชนให้กับ น.ส.ลำใย ได้ภายใน 3 วัน เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและให้เจ้าของบัตรตัวจริง สามารถนำบัตรประชาชนไปใช้สิทธิต่างๆ ได้ตามปกติ
หลังจากนั้นก็จะมีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงตามกระบวนการขั้นตอน กรณีที่มีการลักลอบสวมบัตรประชาชน ว่ามีใครเกี่ยวข้องในการกระทำผิดบ้าง ก็จะมีการดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนต่อไป เบื้องต้นพบข้อมูลอดีตผู้ใหญ่บ้านซึ่งเสียชีวิตไปแล้วเป็นคนเซ็นรับรองให้ผู้ที่สวมบัตร
ด้าน น.ส.ลำใย ธรรมดา และนายอารมณ์ มั่นคง สามีบอกว่า รู้สึกดีใจมากหลังจากปลัดรับปากว่าจะทำบัตรประชาชนให้อย่างเร่งด่วน จากที่ก่อนหน้านี้เดินเรื่องร้องมานานถึง 12 ปี ก็ขอขอบคุณปลัดและนายอำเภอที่เล็งเห็นปัญหาความทุกข์ของชาวบ้าน ซึ่งหากได้บัตรประชาชนคืนอันดับแรกก็จะรีบไปลงทะเบียนขอรับสิทธิเงินเยียวยาโครงการ “เราชนะ” ที่เลื่อนการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการออกไปเป็นวันที่ 5 มี.ค.2564 ซึ่งก็หวังว่าจะได้รับเงินเยียวยาเหมือนกับคนอื่น แต่หากลงไม่ทันก็ยังดีใจเพราะจะได้มีบัตรไว้ใช้สิทธิโครงการอื่นๆ ได้ โดยเฉพาะสิทธิรักษาพยาบาลโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค หากไม่มีบัตรไปยื่นก็จะต้องเสียเงินเองซึ่งต้องลำบาก เพราะลำพังเงินจะกินอยู่ยังแทบจะไม่พอ