บุกจับแก๊งอุ้มบุญ รับจ้างท้อง แลก 5 แสน หลังพบพิรุธอาการทารก

บุกจับแก๊งอุ้มบุญ รับจ้างท้อง แลก 5 แสน หลังพบพิรุธอาการทารก

เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุม บช.สอท. เมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข นายลีโอนาร์ด แมนคูโซ ผู้ช่วยทูตประจำประเทศไทย ร่วมกันแถลงผลการจับกุมขบวนการแก๊งอุ้มบุญข้ามชาติ

พล.ต.ท.กรไชย กล่าวว่าตามที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้รับการประสานงานจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข กรณีพบการใช้ช่องทางทางสื่อสังคมออนไลน์ ประกาศเชิญชวนรับสมัครหญิงที่ต้องการหารายได้จากการรับจ้างตั้งครรภ์แทน จึงได้ประสานความร่วมมือกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุขสถานทูตประเทศสหรัฐอเมริกา

จากการสืบสวนพบว่ามีเด็กทารก อายุประมาณ 4 เดือน เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ด้วยภาวะชักเกร็ง และมีเลือดออกในสมอง แพทย์วินิจฉัยว่าเกิดจากการได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เมื่อสอบปากคำมารดาของทารกดังกล่าว ได้ความว่า ตนได้รับจ้างตั้งครรภ์แทนโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (การอุ้มบุญ) และรอการส่งมอบเด็กให้ผู้ว่าจ้าง

โดยมีนายหน้าชาวต่างชาติเป็นผู้ว่าจ้าง และออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด มารดาผู้รับตั้งครรภ์แทนจะต้องเดินทางไปที่ประเทศกัมพูชาเพื่อไปฝังตัวอ่อนทารก จากนั้นเดินทางกลับมายังประเทศไทย จนกระทั่งเมื่อถึงกำหนดคลอดทารก ผู้ว่าจ้างจะสั่งให้มารดาผู้รับตั้งครรภ์เดินทางไปยังประเทศที่สาม เพื่อทำการคลอดทารกยังสถานพยาบาลที่ผู้ว่าจ้าง และทำการส่งมอบทารกในคราวเดียวกัน

แต่เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้มารดาที่รับตั้งครรภ์แทนไม่สามารถเดินทางออกไปคลอดนอกประเทศได้ จึงจำเป็นที่จะต้องคลอดในสถานพยาบาลในประเทศไทยแทน และทำการส่งมอบทารกให้นายจ้าง จากนั้นนายจ้างชาวต่างชาติจะมอบค่าตอบแทนให้ 500,000 บาท ถือเป็นการเสร็จสิ้นกระบวนการรับจ้างตั้งครรภ์แทน

ทางเจ้าหน้าที่พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้บูรณาการร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐานตามข้อมูลดังกล่าวและติดตามกลุ่มชาวต่างชาติ ที่ว่าจ้างหญิงไทยที่รับตั้งครรภ์คนดังกล่าว จนทราบว่า กลุ่มชาวต่างชาติที่เป็นนายหน้าจัดหาเด็กทารกนั้น ได้เปิดสถานที่รับเลี้ยงเด็ก ชื่อว่า GS กิ๊ก บริการศูนย์แม่บ้าน มีการรับเลี้ยงดูแลเด็กทารกจริง

และมีเด็กทารกอยู่ในความดูแล จำนวน 2 คน ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นทารกที่เกิดจาก ขบวนการอุ้มบุญ ลักษณะเดียวกันกับมารดาผู้รับจ้างตั้งครรภ์ ตามที่ตรวจสอบพบ จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า มีกลุ่มหญิงไทยที่ได้รับจ้างตั้งครรภ์แทน และเดินออกนอกประเทศเพื่อฝังตัวอ่อนในลักษณะเดียวกันอีกเป็นจำนวนมาก จึงได้ทำการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ การปฏิบัติการเข้าตรวจค้นทั้ง 9 จุด ในเขต กทม. สามารถช่วยเหลือเหยื่อ เป็นเด็กทารก จำนวน 2 คน อายุประมาณ 6 เดือน และอายุประมาณ 8 เดือน และตรวจพบผู้ดูแล เป็นบุคคลสัญชาติฟิลิปปินส์ 2 ราย ซึ่งสถานที่ตรวจพบ เปิดเป็นบริษัททำความสะอาดบังหน้า โดยใช้ชื่อหญิงชาวจีน พบผู้หญิงที่ยอมรับว่าเป็นผู้ที่อุ้มบุญ จำนวน 3 ราย นอกจากนี้ ยังตรวจพบผลแล็บจากสถาบันเอกชน ยืนยันว่า ดีเอ็นเอของพ่อเด็กเป็นสัญชาติจีน ซึ่งขั้นตอนอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสืบสวนขยายผล

พล.ต.ท.กรไชย กล่าวต่อว่า สำหรับการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 มาตรา 24 ดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท มาตรา 27 กระทำการเป็นคนกลางหรือนายหน้าโดยเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดเพื่อเป็นการตอบแทนในการจัดการหรือชี้ช่องให้มีการตั้งครรภ์แทน มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท รวมถึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

อย่างไรก็ตาม จนท.ใช้เบาะแส หลังพบเด็กทารก 4 เดือนชักเกร็ง มีเลือดออกในสมอง จับกุมขบวนการอุ้มบุญข้ามชาติ มีนายหน้าพาไปฝังตัวอ่อนที่เขมร กลับมาอุ้มท้องในไทย ก่อนไปคลอดในต่างประเทศ

เรียบเรียง mumkhao

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ