หนุ่มไปกินชาบู หมดกว่า 500

หนุ่มไปกินชาบู หมดกว่า 500

เพจร้านชาบูชื่อ ซิกซ์ตี้ทู สาขาเลย ได้โพสต์ภาพชายหนุ่มรายหนึ่งขณะยืนรอชำระเงินค่ารับประทานอาหารในร้าน พร้อมข้อความบอกว่า โดนชายคนดังกล่าวโกง ไม่ยอมจ่ายเงิน โอนเงินแบบออนไลน์ แต่เงินไม่เข้า พร้อมเรียกร้องให้กลับมารับผิดชอบกับสิ่งที่ทำ ซึ่งเป็นการกระทำซ้ำครั้งที่ 2 ครั้งแรก โอนแค่ 1 บาท จากยอดจริง 576 บาท

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ร้านดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนเจริญรัฐ ต.กุดป่อง อ.เมือง จ.เลย เพื่อติดตามความคืบหน้า และสอบถามข้อเท็จจริง น.ส.สุธิดา สาริมา พนักงานเก็บเงินของร้านเล่าว่า เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 19.30 น. ลูกค้าเป็นผู้ชายสองคน เข้ามารับประทานชาบู เมื่อเสร็จก็เรียกให้ไปคิดเงิน เป็นยอด 576 บาท ขอจ่ายเงินแบบโอนออนไลน์เขามาทำทีสแกนคิวอาร์โค้ดที่หน้าเคาน์เตอร์ แล้วแสดงหน้าโอนเงินให้ดู แล้วก็เดินออกไป แล้วมารู้จากเจ้าของร้านทีหลังว่า ไม่มียอดเงินเข้าบัญชี

นายประสิทธิ์ ฤทธิจอหอ ผู้จัดการร้านเผยว่า สองคนนี้เข้ามารับประทานอาหารในร้านบ่อย ประมาณ 5-6 ครั้งแล้ว แรกๆ ก็จ่ายเป็นเงินสด ไม่มีปัญหาอะไร แต่สองครั้งหลังสุดจ่ายแค่ 1 บาท เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2563 จากยอด 576 บาท พร้อมขอถ่ายรูปสลิปไว้ด้วย เมื่อวานนี้กลับมาอีกตนก็พบว่ามีพฤติกรรมแปลกๆ ขอจ่ายเงินแบบออนไลน์ก่อน แต่ยังไม่โอนใช้แท็บเล็ตถ่ายรูปสลิปไว้ก่อน อ้างว่ากลัวแบตจะหมด ตลอดเวลาที่นั่งรับประทานชาบู ชายคนนี้มักเดินเข้าห้องน้ำบ่อยๆ

โดยเอาแท็บเลตไปด้วยทุกครั้ง ตนจึงเชื่อว่ามีการนำเอาภาพถ่ายสลิป เปลี่ยนแปลงให้เป็นยอด 576 บาท บันทึกเป็นภาพซ่อนไว้ในเครื่อง เมื่อมาจ่ายเงินหน้าเคาน์เตอร์ ทำทีเป็นสแกนคิวอาร์โคด แล้วเปิดภาพสลิปที่เตรียมไว้ในแท็บเลตมาแสดงให้พนักงานดู ส่วนเพื่อนอีกคนก็เดินออกไปรอนอกร้านก่อนแล้ว ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิด บันทึกการกระทำไว้อย่างชัดเจน

ด้านเจ้าของร้าน บอกว่าช่วงเกิดเหตุ ตนไม่ได้อยู่ในร้าน หลังจากปิดร้าน ก็มาเช็กยอดเงินที่ลูกค้าจ่ายแบบออนไลน์ กลับไม่พบยอดเงินจากโต๊ะที่ผู้ชายสองคนนี้เข้ามาสั่งรับประทานชาบู มีเพียง 2 โต๊ะที่มียอดเดียวกันโอนเข้ามา เมื่อมาตรวจดูกล้องวงจรปิดก็พบว่า ชายคนนี้มีท่าทางพิรุธ นำสลิปปลอมที่บันทึกเป็นภาพเปิดออกมาให้พนักงานดู หลอกว่าโอนแล้ว พนักงานหญิงคนนี้เป็นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงาน มีความเกรงใจ ไม่กล้าทวงถาม หรือขอตรวจสอบยอดเงินว่าเข้าบัญชีตนจริงหรือไม่

จากการตรวจสอบ พบว่า ชายสองคนนี้เคยก่อเหตุแบบเดียวกันที่ร้านตนเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2563 มาแล้ว คราวนั้น โอนเงินเข้ามา 1 บาท แต่ไม่ได้ติดใจเอาความ เพราะคิดว่าอาจเกิดจากความผิดพลาดของทางร้านเอง แต่ครั้งนี้กลับมาทำอีก ตนก็ยังคิดว่าคงไม่ใช่ความผิดของลูกค้า

แต่เมื่อมาตรวจสอบทุกอย่างแล้วพบว่าเราโดนโกงแน่นอน ซึ่งหลังจากที่โพสต์ลงไปในเพจแล้ว ผู้ก่อเหตุยังไม่ติดต่อกลับมารับผิดชอบใดๆ ซึ่งถือว่าเป็นการซ้ำเติมทุกข์ของคนค้าขาย ที่ต้องหากินลำบากในช่วงโควิด แม้เป็นจำนวนเงินไม่มาก แต่อยากแจ้งเตือนภัยให้ร้านค้าหรือร้านอาหารอื่นๆระวังการกระทำของสองคนนี้ หากยังไม่ติดต่อเข้ามา ตนจะไปแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ขอบคุณ ข่าวช่องวัน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ