ลุงพลป้าแต๋น ยอมพูดแล้ว สาเหตุไม่ไปกกกอก

ลุงพลป้าแต๋น ยอมพูดแล้ว สาเหตุไม่ไปกกกอก

เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม พร้อมทีมงาน เดินทางด้วยเครื่องบิน สายการบินนกแอร์ ถึงท่าอากาศยานสกลนคร หลังมีกำหนดการจะเดินทางมาดูคดีน้องชมพู่ ประเด็นเกี่ยวกับลุงพล โดยมีทัพสื่อมวลชนรอสัมภาษณ์เกี่ยวกับการเดินทางมาในครั้งนี้ โดยมีลุงพล หรือ นายไชย์พล วิภา และ ป้าแต๋น หรือ นางสมพร หลาบโพธิ์ เดินทางมาคอยต้อนรับด้วยตนเอง ภายในอาคารท่าอากาศยานสกลนคร โดยหลังจากพบหน้ากัน ทนายตั้มได้โอบกอดทั้งลุงพลและป้าแต๋นด้วยแขนทั้งสองข้างเบาๆ

ต่อมาเวลา 17.00 น. ทนายตั้มพร้อมด้วยลุงพลและป้าแต๋น ได้แถลงข่าวที่บริเวณห้องอาหาร โรงแรมโชคดีเพลส โดยทนายษิทรา กล่าวว่า การเดินทางมาในวันนี้ก็เป็นไปตามที่ตัวเองเคยบอกไว้ ในการเข้ามาให้ความช่วยเหลือลุงพลและป้าแต๋น แต่ก็ต้องมีการลงพื้นที่เพื่อไปดูสถานที่เกิดเหตุ รวมทั้งสอบถามพยานแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะรับว่าความให้กับลุงพล อย่างไรก็ตาม การเดินทางมาในวันนี้ก็พบอุปสรรคสำคัญ คือ การที่ยังอยู่ในห้วงการแพร่ระบาดของ cv แม้จะมีการประสานงานกับทางสาธารณสุขจังหวัดไว้แล้ว แต่ก็ไม่สามารถฝ่าฝืนกฎหมายคำสั่งได้

ทนายตั้ม กล่าวต่อว่า ตามคำสั่งทางสาธารณสุขกำหนดให้ตนเองต้องกักตัว 14 วัน ก่อนเข้าพื้นที่บ้านกกกอก ซึ่งตนไม่สามารถปฏิบัติตามได้ เนื่องจากยังติดภารกิจอื่นๆ อีก จึงต้องยกเลิกกำหนดการเดิมที่วางไว้ว่าจะเดินทางเข้าพื้นที่บ้านกกกอกในวันพรุ่งนี้ และคงต้องรอให้สถานการณ์ cv คลี่คลายเสียก่อน และขอฝากขอโทษทางจังหวัดมุกดาหาร ที่เมื่อวานตนได้โพสต์ข้อความต่อว่าไว้ เนื่องจากรู้สึกโมโหที่ขั้นตอนการเข้าพื้นที่มันยุ่งยาก ทั้งที่ได้โทรศัพท์ประสานและรายงานตัวไว้แล้ว รวมทั้งได้มีการตรวจ เรียบร้อยแล้วก็ตาม โดยต่อมาหลังจากที่ได้มีการพูดคุยกับลุงพลป้าแต๋นก็เข้าใจ และโดยเฉพาะตัวเองเป็นทนายความก็ยิ่งจะต้องเคารพในกฎหมายและคำสั่งของทางราชการ

ต่อข้อสอบถามกรณีที่มีข่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะมีการออกหมายจับลุงพลก่อนถึงวันวาเลนไทน์นั้น ทนายตั้ม กล่าวว่า หากแม้นมีการออกหมายจับลุงพลจริง ก็คงจะมาช่วยในเรื่องการประกันตัว และสู้คดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งในขณะนี้ที่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ อาจจะเป็นเพราะว่า จนท.ตำรวจเองก็ต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน เพื่อให้นำส่งฟ้องต่อศาลได้ ในส่วนทนายความเองก็ต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อใช้ในการต่อสู้คดีเช่นกัน และในมุมมองของตำรวจกับทนายก็อาจจะแตกต่างกันไปได้

ด้านลุงพลก็ได้กล่าวเปิดเผยความรู้สึกว่า รู้สึกอุ่นใจที่ทนายตั้มและทีมงานเดินทางมาเพื่อให้ความช่วยเหลือ แต่เมื่อพบอุปสรรคเช่นนี้ก็คงต้องรอเวลาให้สถานการณ์ cv คลี่คลาย โดยในวันพรุ่งนี้ก็จะพาทนายตั้มและทีมงานเดินทางไปที่วัดพระธาตุเชิงชุม ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของสกลนคร เพื่อกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ส่วนในขั้นตอนการดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น คงจะต้องมีการปรึกษาหารือกันอีกครั้ง

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ