รวบพระคาวัด หนึ่งในแก๊งล้วงเงินจากแอปฯธนาคาร

รวบพระคาวัด หนึ่งในแก๊งล้วงเงินจากแอปฯธนาคาร

ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 หรือ ศปอส.ภาค 5 คุมตัว นายเป่าฉาง แซ่หลู่ อายุ 23 ปี สัญชาติไทย และ นายยู เชา เหว่ย อายุ 36 ปี สัญชาติไต้หวัน พักอาศัยอยู่ที่ ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน สองผู้ต้องหาแก๊งฟิชชิ่งที่หลอกลวงเอาเงินผ่านแอปพลิเคชันธนาคารออนไลน์ ไปสอบสวนที่ ศปอส.ภาค หลังถูกตามจับกุมได้ที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อช่วงเย็นวานนี้ พร้อมของกลางสมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม รวมทั้งเสื้อกั๊กสีดำมีโลโก้กองปราบปราม และ บัตรผู้สื่อข่าว

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยหลังสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสองคน โดยระบุว่า ปลายปี 2563 มีผู้เสียหายหลายสิบรายเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.สายไหม กรุงเทพมหานคร ว่าถูกคนร้ายหลอกลวงถอนเงินผ่านแอปพลิเคชัน SCB Easy สูญเงินไปหลายแสนบาท โดยคนร้ายจะใช้วิธีส่งลิงก์ผ่านเอสเอ็มเอสไปให้กับผู้เสียหาย อ้างว่าเป็นข้อความจากธนาคารไทยพาณิชย์ขอให้ลูกค้าอัปเดตข้อมูลการใช้งาน

เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อกดเข้าไปจะปรากฏหน้าเว็บไซต์ให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลบัญชีธนาคาร และ รหัสผ่านแอปพลิเคชัน เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อกรอกข้อมูล กลุ่มคนร้ายจะนำข้อมูลดังกล่าวไปสมัครแอปพลิเคชันใหม่ ก่อนจะโอนเงินออกจากบัญชีไปทั้งหมด หลังจากโอนเงินไปเข้าบัญชีอื่น จะมีคนร้ายอีกกลุ่มหนึ่งที่ทำหน้าที่กดเงินสดออกมา

ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลการถอนเงิน พบว่ากลุ่มคนร้ายได้ตระเวนถอนเงินหลายจุดในพื้นที่ จ.เชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน เจ้าหน้าที่จึงแกะรอยจนพบว่าผู้ที่ทำหน้าที่กดเงินคือ นายวราวุธ ปามือ อายุ 20 ปี และ นายพรสวรรค์ ไพรสีเขียว อายุ 19 ปี จึงติดตามจับกุมได้เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2563 ทั้งสองสารภาพว่ารับจ้างจาก นายเป่าฉาง

ให้ทำหน้าที่กดเงินออกมาเท่านั้น ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนและติดตามจับกุม นายเป่าฉาง ได้หลังจากที่บวชเป็นพระได้เพียง 1 วัน ที่วัดสันจองปาย ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน และ ติดตามจับกุม นายยู เชา เหว่ย ได้บนถนนแม่มาลัย-ปาย ต.แม่มาลัย อ.ปาย จ.เชียงใหม่ ก่อนคุมตัวไปสอบสวน

นายยู เชา เหว่ย สารภาพว่าได้รับคำสั่งจากหัวหน้าชาวไต้หวัน ให้ทำหน้าที่หาบัญชีปลายทางสำหรับรอรับเงินที่ได้จากการหลอกลวง โดยจะได้รับเงินส่วนแบ่ง 10 เปอร์เซ็นต์ และ ตนเองได้ว่าจ้าง นายเป่าฉาง อีกทอดหนึ่ง ส่วนการจัดทำลิงก์ปลอมและส่งลิงก์ให้กับผู้เสียหายส่งผ่านระบบอินเทอร์เน็ตจากไต้หวัน โดยที่ตนเองไม่ทราบขั้นตอน

พล.ต.ท.ประจวบ บอกว่า ในกลุ่มผู้ต้องหากลุ่มนี้เริ่มทำมาประมาณเดือนพฤศจิกายน 2563 มีผู้เสียหาย 21 ราย มูลค่าความเสียหาย 429,180 บาท ในส่วนของพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 มีผู้เสียหายแจ้งความ 2 คดี ที่ สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ และ สภ.บ้านดู่ จ.เชียงราย จากการตรวจสอบยังพบว่า นายยู เชา เหว่ย มาอยู่ประเทศไทยโดยถือวีซ่านักศึกษา ที่ผ่านมาพบว่ายังมีความสัมพันธ์กับกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประเทศกัมพูชาในปี 2560 และ กลุ่มนี้มีพฤติกรรมแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ( กองปราบปราม ) และ เป็นผู้สื่อข่าว

ซึ่งหลังจากนี้จะมีการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม โดยเชื่อว่าจะก่อเหตุอีกหลายท้องที่ ขณะเดียวกันฝากแจ้งเตือนประชาชนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ไม่ควรหลวงเชื่อให้ข้อมูลทางการเงิน รหัสแอปพลิเคชัน รหัสผ่านชั่วคราวหรือ OTP ผ่านลิงก์ต่างๆ ที่ไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งธนาคารทุกแห่งไม่มีนโยบายขอข้อมูลเหล่านี้ทางโทรศัพท์มือถือ

อย่างไรก็ตาม ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ไว้ได้ แม้ว่าจะหนีไปบวชก็ตาม

เรียบเรียง mumkhao

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ