เมื่อวันนี้ (2 ม.ค.) ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์ (ศบค. ) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่กระจาย CV 19 หรือ ศบค.เปิดเผยว่า ในการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (EOC)

วันนี้ มีการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 พบว่า ผู้ติดเชื้อหลายคน ทราบว่าตนเองไปจุดเสี่ยง แต่ไม่กักตัว ไม่แยกตัวจากผู้อื่น ไม่เข้ารับการรักษา และยังคงมีการลักลอบเล่นการพนัน-มั่วสุม จำนวนผู้ติดเชื้อและมีอาการเพิ่มขึ้น ประชาชนบางส่วนขาดความระมัดระวังในการดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรค ขณะนี้ประเทศไทยพบติดเชื้อแล้วใน 53 จังหวัด ถ้ายังใช้มาตรการอย่างที่ใช้อยู่อาจจะมีหลายจังหวัดติดเชื้อเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการในขณะนี้ ให้เข้มข้นขึ้น สำหรับการแบ่งพื้นที่จะเป็น

พื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด

พี้นที่ควบคุมสูงสุด (โซนสีแดง) 28 จังหวัด ได้แก่ ตาก นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง นครนายก กาญจบุรี นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว สมุทรปราการ จันทบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง ชุมพร ระนอง กรุงเทพมหานคร พื้นที่ควบคุม (โซนสีส้ม) 11 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ บุรีรัมย์ นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี พังงา พื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด ได้แก่ 38 จังหวัดที่เหลือ

พื้นที่ควบคุม

ประกาศ ศบค.

ทั้งนี้ มาตรการในพื้นที่สีแดงที่จะเกิดขึ้น ขั้นที่ 1 จำกัดเวลาเปิด-ปิดสถานประกอบการ ,ปิดสถานที่เสี่ยง ,ค้นหา ,จับกุมผู้ทำผิด ,เลี่ยงกิจกรรมหมู่มาก ,ขอความร่วมมือไม่เดินทางข้ามจังหวัด ,ให้หยุดเรียนหรือเรียนออนไลน์ ,Work from home ,ควบคุมการเดินทางจากพื้นที้่สีแดง ,ค้นหาเชิงรุกเพิ่มขึ้น

โดยจะมีกำหนดเวลากำหนดในช่วง วันที่ 4 ม.ค. - 1 ก.พ. 64 ขั้นที่ 2 (หากยังคงพบการแพร่ระบาด) จะมียกระดับเพิ่มเติมจากขั้นที่ 1 คือ กำหนดเปิด-ปิดสถานประกอบการเพิ่ม ,ควบคุมการเดินทางข้ามจังหวัด , Work from home เต็มที่ ,ควบคุม ค้นหา พื้นที่เสี่ยง กิจกรรมเสี่ยง หรือ เคอร์ฟิวได้ ทั้งนี้มาตรการดังกล่าว จะมีการนำเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.เพื่อลงนามและประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.เป็นต้นไป