สาวลาว แต่งงานกับข้าราชการไทย
เวลา 15.00 น. วันที่ 31 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้านขายกิฟต์ชอป ตลาดบ้านงัวข้อง ต.บ้านเลื่อม อ.เมือง จ.อุดรธานี หลังได้รับการร้องเรียนจาก นางปะนัดดา บัวละพา หรือก้าน อายุ 35 ปี ชาวเมืองหาดทรายฟอง สปป.ลาว ว่าโดนสามีชาวไทย ซึ่งเป็นข้าราชการซ้อมทำร้ายร่างกาย ขอแยกทาง และขู่ฆ่า หลังจากอยู่กินฉันสามีภรรยามา 1 ปี แต่ไม่เลี้ยงดู แถมต้องเลี้ยงสามี จนเงินเก็บหมดนับล้านบาท
โดย นางปะนัดดา เล่าทั้งน้ำตาว่า ตนเป็นแม่ค้าออนไลน์ และเปิดร้านขายเครื่องสำอางและกิฟต์ชอป เคยแต่งงานกับสามีชาวไทยคนแรก ที่ จ.กาญจนบุรี มีลูกชายด้วยกัน 2 คน คนแรกอายุ 12 ปี คนที่สองเสียชีวิตเมื่ออายุ 3 ขวบ แต่ได้แยกทางกัน เพราะสามีนอกใจไปมีผู้หญิงอื่น ตนจึงหอบเงินเก็บ 2 ล้านและลูกได้ย้ายมาอยู่ที่ จ.มหาสารคาม และได้พบกับนายเอ (นามสมมติ) อายุ 45 ปี ชาวกาฬสินธุ์ เป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่งใน จ.มหาสารคาม โดยนายเอ บอกตนว่าเคยมีภรรยา มีลูก 2 คน แต่ตอนนี้แยกกันอยู่กับภรรยา ตนจึงตกลงคบเป็นแฟนกับนายเอ กระทั่งตั้งครรภ์ แต่นายเอบังคับให้ไปทำแท้ง เพราะไม่ต้องการมีลูก
นางปะนัดดา เล่าต่อว่า ตนได้เปิดร้านกิฟต์ชอป และขายเครื่องสำอางอีกครั้งในตัวเมืองมหาสารคาม พอภรรยานายเอทราบเรื่อง ได้มาทำร้ายร่างกายตน และขอหย่ากับนายเอ โดยเรียกค่าหย่าเป็นเงิน 2.5 ล้าน ซึ่งนายเอมาขอเงินจากตนไปจ่ายภรรยา แต่ตนไม่ให้เพราะเป็นเงินจำนวนมาก นายเอจึงเอาที่ดินพ่อไปจำนองนำเงินไปจ่ายภรรยา ทำให้เงินเดือนนายเอไม่เหลือ ตนจึงมีหน้าที่เลี้ยงดูนายเอ
กระทั่งเดือนพฤศจิกายน 2562 นายเอได้พาญาติผู้ใหญ่มาหมั้น ตนมารู้ภายหลังว่า ภรรยาเก่ายังโทรหานายเอ แปลว่ายังไม่ได้เลิกกันเด็ดขาด จึงบอกยกเลิกงานแต่ง แต่นายเอไม่ยอม ได้ทำร้ายตนและบังคับให้ตนแต่งงาน โดยจัดแบบบายศรีสู่ขวัญที่ จ.บึงกาฬ เสร็จแล้วนำชื่อตนไปเข้าสำเนาทะเบียนบ้านพ่อแม่ที่ จ.กาฬสินธุ์ แต่ให้ตนย้ายมาเปิดร้านกิฟต์ชอปที่ จ.อุดรธานี ส่วนนายเอมีกระเป๋าใบเดียวเข้ามาอยู่ในบ้าน แต่ไม่ยอมจดทะเบียนสมรสให้
นางปะนัดดา เล่าต่อไปว่า นายเอ ไม่เคยเลี้ยงดูตน เพราะให้เหตุผลว่าเงินเดือนถูกธนาคารหักไม่เหลือ อีกทั้งต้องส่งเงินค่าเลี้ยงดูเมียเก่ากับลูกเดือนละ 8,000 บาท ตนจึงเป็นคนเลี้ยงดูนายเอ ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ทุกอย่าง เงินเดือนไม่เคยให้ มีแต่มาเอาเงินกับตนไปใช้จ่าย แม้แต่รถยนต์ก็โอนให้เป็นชื่อนายเอ ร้านค้าก็เช่าเป็นชื่อนายเอ พอเงินเริ่มหมดก็เริ่มระหองระแหง เขาจะทำร้ายร่างกายตลอด แต่ก็ทนเพราะรักผู้ชายคนนี้ จนกระทั่งเมื่อคืนนี้ นายเอไปดื่มเหล้ากับเพื่อนบ้าน ตกดึกตนไปเรียกให้กลับบ้าน ทำให้ไม่พอใจ เมื่อมาถึงบ้านก็ทำร้ายชกต่อยตน จนทนไม่ไหวจึงไปแจ้งความที่ สภ.เมืองอุดรธานี ซึ่งตำรวจได้ส่งไปตรวจร่างกายไว้เป็นหลักฐาน พอกลับมาบ้าน นายเอก็หลบหนีไปแล้ว
นางปะนัดดา เล่าต่ออีกว่า สิ่งที่ทำให้ตนรู้ว่านายเอไม่จริงใจกับตน มองความรักของตนเป็นเพียงธุรกิจ และหวังปอกลอกคือ ตนจะไปซื้อบ้านราคา 2 ล้านบาท แต่ตนซื้อไม่ได้เพราะเป็นชาวลาว เพราะสามีไม่ยอมจดทะเบียนสมรสให้ จึงบอกไปว่าจะซื้อบ้านเป็นชื่อสามีและผ่อนส่งบ้านเอง แต่นายเอบอกว่านำชื่อไปซื้อได้แต่ต้องหักเงินให้ 20 เปอร์เซ็นต์คือ 4 แสนบาท ตนจึงรู้ว่านายเอไม่ได้รักตนเลย นอกจากนี้ ทุกอย่างที่ตนนำชื่อนายเอไปซื้อ จะถูกเรียกหัก 20 เปอร์เซ็นต์ คิดว่าเป็นธุรกิจมากกว่าความรัก เมื่อเงินหมดจากบัญชี ไม่มีเงินค่าเช่าบ้าน ก็ไม่สนใจไยดี
วันนี้ตนจึงตัดใจ และจะไม่ขอกลับไปอยู่กับนายเออีกแล้ว แม้ว่านายเอจะมาง้อ ก็จะไม่ยอมกลับไปอีก จึงออกมาเตือนผู้หญิงชาวลาว ที่ต้องการแต่งงานกับชายไทย ให้ระวังจะถูกหลอกจนหมดตัว นี่คือบทเรียนราคาแพง จงดูเป็นตัวอย่าง อย่าไปทุ่มเงินกับผู้ชาย อย่าไปเลี้ยงผู้ชาย เก็บเงินเอาไว้ดีกว่า เพราะพอหมดเงินก็ถูกผู้ชายลอยแพ ไม่สนใจไยดี ต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่า หลังจากนี้คงกลับไปตั้งหลักที่บ้านญาติและเริ่มต้นใหม่ นางปะนัดดา กล่าวในที่สุด
ขอบคุณ ไทยรัฐ