แม่ค้าเปิดใจ ครั้งแรก หลังคิดบวกค่าเน็ตเพิ่ม
เรียกได้ว่าโครงการคนละครึ่ง คึกคักเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นลูกค้า หรือแม้กระทั่งร้านค้าเอง จากกรณีที่เกิดเป็นประเด็นที่มีลูกค้าสาวซื้อสินค้า 100 บาทจากร้านค้า ปรากฎว่าแม่ค้ามีการบวกเพิ่มต้นทุนอีก 10 บาท โดยอ้างว่าเป็นค่าอินเทอร์เน็ต 400 บาท แม้จะขอเปลี่ยนเป็นจ่ายเงินสดแทน แต่ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่ามีค่าเท่ากัน จนต้องออกมาโพสต์เตือนว่ามีการเอาเปรียบเช่นนี้เกิดขึ้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ฝั่งแม่ค้าได้ให้สัมภาษณ์กับทางเว็บไซต์ไทยรัฐ นางน้อย วัย 46 ปี เจ้าของร้านลาบก้อยต้ม ที่เป็นข่าวในโลกออนไลน์ระบุว่า โดยปกติแล้วจะขายอยู่ที่บ้าน และเพิ่งจะได้พื้นที่ขายที่ถนนคนเดินเทศบาลนครอุบลราชธานีเป็นสัปดาห์แรก จึงต้องมีต้นทุนค่าอินเทอร์เน็ตเข้ามา
รวมถึงเพิ่งสมัครเข้าโครงการคนละครึ่งจากลูกค้า ส่วนตัวยังไม่ถนัดกับเทคโนโลยี และยังคงเป็นงงๆ ใช้อินเทอร์เน็ตไม่คล่อง ส่วนที่บวกเพิ่มราคาอาหารและบอกว่าเป็นค่าอินเทอร์เน็ตนั้นรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แม่ค้าอยากขอโทษน้องที่โพสต์นั้นด้วย เพราะตนตั้งใจจะขึ้นราคาอาหารแต่ยังไม่ได้เปลี่ยนป้ายราคา
บวกเพิ่ม 10 บาท
ส่วนในวันเกิดเหตุ 29 พฤศจิกายน ก็เพิ่งได้ใช้แอปคนละครึ่งเป็นครั้งแรก และไม่ได้บวกเพิ่มทุกคน หากจะบวกเพิ่มก็จะแจ้งลูกค้าก่อน บางคน 5 บาท บางคน 10 บาท คลิปการให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐจากทั้งสองฝ่าย ส่วนที่บวกเพิ่ม จะเป็นอาหารประเภทราคาสูง เพราะทุนมาแพง ต่อไปคงไม่ทำอีกแล้ว และจะพักการขายแบบคนละครึ่งออกไปก่อน เพื่อรอทำป้ายราคาอาหาร แจ้งกับลูกค้าให้ชัดเจนอีกครั้งแม่ค้ากล่าว
ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 1 ธ.ค.63 ที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี นายชาญยุทธ วันดี พาณิชย์จังหวัดอุบลราชธานี และ น.ส.ปานจิตต์ ตะเพียนทอง คลังจังหวัด นำตัว นางเอ (นามสมมติ) อายุ 46 ปี แม่ค้าคนดังกล่าว มาให้ พ.ต.ท.เสด็จ แก้วสิงห์ทอง สารวัตร (สอบสวน) ทำการเปรียบเทียบปรับ ฐานฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการฉบับที่ 71 พ.ศ.2563 ลงวันที่ 1 ก.ค.2563 ข้อ 9 กรณีเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งผู้จำหน่าย จะต้องแสดงค่าใช้จ่ายให้ชัดเจนและครบถ้วน ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ซึ่งมีอัตราโทษปรับสูงสุด 10,000 บาท1,000 บาท ซึ่ง นางเอ ก็ยินยอม พร้อมได้กล่าวขอโทษต่อกรณีที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
เพราะหลังเกิดเรื่องทำให้ นางเอ เกิดความเครียดและนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน นายชาญยุทธ ยังกล่าวเตือนไปถึงร้านค้า แม้ไม่ได้เข้าร่วมโครงการใดๆ กับทางรัฐ อย่างไรก็ต้องติดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน และต้องขายให้ตรงกับราคาตามป้ายที่แสดงไว้ ไม่ว่าจะเป็นการลดราคาก็ต้องมีการแจ้งชัดเจน และสินค้าต้องมีน้ำหนักหรือจำนวนที่มีการระบุไว้ หากไม่ครบถ้วนก็มีความผิดเช่นกัน ขณะที่ น.ส.ปานจิตต์ ตะเพียนทอง คลังจังหวัด กล่าวถึงการเสนอถอดรายชื่อ นางเอ ออกจากการร่วมโครงการจ่ายคนละครึ่ง
ซึ่งเจ้าตัวก็ยินยอมออกจากโครงการ และจะได้ส่งเรื่องให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง เพิกถอนสิทธิออกจากโครงการนี้ พร้อมเตือนพ่อค้าแม่ค้ารายอื่น ซึ่งมีข่าวออกมาไม่ได้ขายสินค้า แต่ให้มาแลกเป็นเงินสดอย่าได้ทำ เพราะโครงการนี้รัฐบาลต้องการช่วยเหลือเรื่องค่าครองชีพประชาชน ช่วยเหลือผู้ค้าระดับเล็กๆ ให้มีรายได้ และขายของได้มากๆ ส่วนที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มร้านค้าก็ควรต้องรับผิดชอบเองอย่าได้ทำผิดเป็นอันขาด อย่างไรก็ดีทุกอาชีพสิ่งสำคัญคือความซื่อสัตย์ต่ออาชีพ
ขอบคุณ thairath