แม่อยากเจอหน้าลูก แต่ถูกครอบครัวฝ่ายชายกีดกัน

แม่อยากเจอหน้าลูก แต่ถูกครอบครัวฝ่ายชายกีดกัน

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คลิปวิดีโอที่ หญิงสาวรายหนึ่งจะมารับลูก แต่ถูกบ้านของสามีกีดกัน พร้อมระบุว่า วันนี้วันอาทิตย์ เป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ที่พี่สาวผม จะได้เจอลูกตามคำสั่งศาล ผมพาพี่สาวไปที่บ้านหลังนั้น โดยมีคุณตำรวจใจดีช่วยไปเป็นเพื่อน เพราะเห็นใจอยากช่วยเหลือครอบครัวเรา ทั้งที่ฝั่งนั้นมีคนอยู่ในบ้าน แต่ไม่ออกมาเจรจาพูดคุย ตะโกนเรียกก็ไม่ยอมออกมา โทรไปหาทั้งบ้านก็ไม่มีใครรับสาย ทำไมคนเราถึงใจร้ายใจดำได้ขนาดนี้ กีดกันไม่ให้แม่เจอลูกกว่า 4 เดือนแล้ว มันจะทุกข์แค่ไหน ในจิตใจของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ภายหลังชาวเน็ตก็เข้ามาให้กำลังใจหญิงสาวรายนี้เป็นจำนวนมาก

ล่าสุดวันที่ 29 พ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับ นางแหม่ม (นามสมมติ) อายุ 36 ปี แม่ของเด็ กที่ไม่ได้พบลูก เปิดเผยว่า เมื่อปี 2553 ตนแต่งงานและมีครอบครัวและย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านของสามี ซึ่งครอบครัวของสามีเป็นครอบครัวใหญ่ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพข้าราชการ สามีเป็นลูกชายคนเล็ก และมีพี่สาวอีก 2 คน ซึ่งยังไม่มีครอบครัว กระทั่งปี 2560 ตนมีลูกชาย และเป็นหลานคนเดียวของครอบครัว จึงเป็นจุดศูนย์กลางของทั้ง 2 ครอบครัว แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ปัญหาเรื่องวิธีการเลี้ยงดูของปู่และย่าเลี้ยงหลานอย่างตามใจ และตนก็ไม่มีสิทธิ์ในความเป็นแม่ของลูกเลย เพราะต้องตามใจปู่ย่า กระทั่งรู้สึกว่าเริ่มเยอะเกินไป ตัดสินใจย้ายออกมาอยู่ที่บ้านตัวเอง ในเดือน ก.ค.63 และโดนทางครอบครัวสามีกีดกันไม่ให้พบลูกมาโดยตลอด 4-5 เดือน

ทั้งนี้ตนจึงได้ฟ้องศาลเพื่อขอสิทธิ์ความเป็นแม่ในการเลี้ยงดูลูก ซึ่งศาลก็พิจารณาตัดสินออกมา เมื่อวันที่ 18 พ.ย.63 ว่า ศาลให้สิทธิ์ตนอยู่กับลูกทุกวันศุกร์ เวลา 16.00 น. ถึงวันอาทิตย์ เวลา 16.00 น.

กระทั่งวันที่ 22 พ.ย.63 เป็นครั้งแรกที่จะได้เจอลูก เพราะวันที่ 20-21 พ.ย.63 ครอบครัวสามีอ้างว่าน้องป่วย ตนรอมานานมาก และที่ผ่านมาไม่มีทางเลือกเลย เพราะถูกกีดกันมาโดยตลอด 4 เดือน ตนตื่นเต้นและดีใจพอไปถึงที่หน้าบ้าน เพื่อจะรับน้อง แต่ไม่มีใครออกมา และไม่มีใครเปิดบ้านเลย ตนรู้สึกใจสลายมากที่เกิดเรื่องแบบนี้

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

ต่อมาวันที่ 27 พ.ย.63 ตนไปรับลูกที่ลูกเรียน แต่พ่อกลับไม่ให้ลูกมาอยู่กับตน และพยายามให้เด็กตอบ พยายามอัดคลิปวิดีโอ คาดว่าน่าจะใช้เป็นข้อมูลในศาล ตนไม่ทราบว่าทางฝ่ายสามีได้มีการให้ข้อมูลอะไรกับน้องหรือไม่ ทางพ่อเด็ กไม่ยินดี และไม่ปล่อยน้อง ตนพยายามกอดลูกจนเกิดความวุ่นวาย โดยมีแม่สามี พี่สาว และบอดี้การ์ดอีก 15 คน คอยกันไม่ให้แม่ และน้องชายตนเข้าไปช่วย ทั้งนี้ตนมองว่าตนต้องสู้ ถึงแม้ผู้ใหญ่จะมีปัญหา แต่เด็กควรได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี มีทั้งพ่อและแม่ ตนควรได้สิทธิ์ในการเลี้ยงดู และต้องนึกถึงจิตใจเด็กเสมอ และไม่นำข้อมูลใส่เข้าไปในหัวเด็ก เพราะเด็กเป็นผ้าขาว ตัวเด็กไม่ควรมีปัญหา ฝากครอบครัวสามีพิจารณาและปฏิบัติตามสั่งศาลด้วย

ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าวที่อยู่ในคลิป ซึ่งเป็นบ้านของสามีและครอบครัว แต่พบว่าบ้านหลังดังกล่าวปิดเงียบ และไม่มีใครออกมาเปิดประตู ถึงแม้ว่าทีมข่าวจะยายามกดกริ่งหลายครั้ง ก็ยังไม่มีใครออกมาพบ และพบว่ามีรถยนต์จอดอยู่ในบ้าน 3 คัน และสุนัข 2 ตัวอยู่ในบ้าน

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายกิตติพศ องคานุภาพ อายุ 25 ปี น้องชายผู้เสียหาย ซึ่งเป็นคนถ่ายคลิปดังกล่าว เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ทุกครั้งที่พาพี่สาวมาบ้านหลังนี้ ก็พบว่าไม่เคยมีใครเปิดบ้านให้เลย ทั้ง ๆ ที่เมื่อสัปดาห์ก่อน ก็ยังเห็นคุณปู่เดินอยู่ในบ้าน พอตนเรียกก็ไม่มีใครตอบรับ และไม่มีใครเปิดบ้าน ซึ่งวันนี้สังเกตเห็นว่ารถ 3 คันที่จอดอยู่ ซึ่งผิดสังเกต เพราะปกติจะจอด 5 คัน อาจจะมีการพาหลานออกไปที่อื่นหรือไม่

ทุกครั้งที่ตนพาพี่สาวมาหน้าบ้านสามี ก็จะมารอค่อนข้างนาน นานที่สุดประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ก็ไม่มีใครออกมาเปิด เมื่อกลับบ้านไปบางครั้งก็จะเห็นพี่สาวร้องไห้เสียใจ และตนก็พยายามปลอบอยู่เสมอ ตนก็เสียใจที่ครอบครัวต้องมาพบกับเหตุการณ์แบบนี้ โดยทางครอบครัวได้ปรึกษาหารือกันว่า ต่อจากนี้ให้เป็นเรื่องของทนายความที่จะช่วยเหลือในทางคดี และให้อีกฝ่ายปฏิบัติตามคำสั่งของศาล อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าหลานเปลี่ยนไป เพราะเมื่อก่อนตนก็เคยเล่นกับหลานตามปกติ หลานก็ร่าเริง แต่ล่าสุดเมื่อเจอครั้งที่จะมีการส่งมอบตัวหลาน หลานทำเหมือนตนป็นคนอื่น ทำเหมือนตนเป็นคนแปลกหน้า และไม่ยอมเข้าหาอย่างที่เคยเป็นทุก ๆ ครั้ง

คลิป

ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าวอัมรินทร์ทีวี

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ