เชียงใหม่ป่วนสาวติดโควิด 19 เดินเที่ยวห้าง สถานบันเทิง เที่ยวดะ ช็อกหนักยอดผู้เสี่ยงติดเชื้อ

เชียงใหม่ป่วนสาวติดโควิด 19 เดินเที่ยวห้าง สถานบันเทิง เที่ยวดะ ช็อกหนักยอดผู้เสี่ยงติดเชื้อ

แม่สายส่อวุ่นวายอีกรอบ หลังจาก สาวเข้าไทยทางแม่สายแล้วเที่ยวดะ นพ.โสภณเปิดเผยว่า ผลการสอบสวนเบื้องต้นโดยทีมปฏิบัติการสอบสวนโรค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ (สสจ.เชียงใหม่) และกรมควบคุมโรค พบไทม์ไลน์ของผู้ป่วยดังนี้ ผู้ป่วยหญิงรายนี้อาศัยอยู่ใน จ.เชียงใหม่ แต่ทำงานที่เมียนมา ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.63 ถึงวันที่ 23 พ.ย.63 เริ่มมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ถ่ายเหลว ทานยาลดไข้เอง เดินทางถึงไทยวันที่ 24 พ.ย.เข้ามาทาง อ.แม่สาย จ.เชียงราย เดินทางเข้าเชียงรายโดยรถตู้โดยสาร แล้วเข้าเชียงใหม่ โดยรถบัสโดยสารประจำทาง ช่วงกลางคืนไปเที่ยวสถานบันเทิงย่านสันติธรรม กลับมาคอนโดกับเพื่อน ซึ่งมีการดื่มสุราและสูบบุหรี่ร่วมกัน วันที่ 25 พ.ย.ไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า ชมภาพยนตร์ ทานอาหาร เดินซื้อของ โดยสวมหน้ากากอนามัยเป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่ตลอด วันที่ 26 พ.ย. มีอาการจมูกไม่ได้กลิ่น ถ่ายเหลว ไปพบแพทย์ที่ รพ.เอกชนและมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่ รพ.นครพิงค์ และวันที่ 27 พ.ย. ได้รับการยืนยันว่าพบเชื้อโควิด-19

มีผู้สัมผัสเสี่ยงรวม 326 คน นพ.โสภณกล่าวต่อว่า ทีมสอบสวนโรคค้นหาผู้สัมผัสกับผู้ป่วย เบื้องต้นพบ 326 คน แบ่งเป็น ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 105 คน ได้แก่เพื่อนในคอนโด 4 คน สถานบันเทิง 55 คน ห้างสรรพสินค้า 6 คน ผู้โดยสารในรถตู้เดียวกัน 34 คน ผู้เดินทางข้ามแดนมาด้วย 1 คน คนขับรถแกร็บ 5 คน และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 149 คน ได้แก่ สถานบันเทิง 2 คน ห้างสรรพสินค้า 138 คน บุคลากรทางการแพทย์ใน รพ.นครพิงค์ 9 คน และกลุ่มสัมผัสอื่นๆอีก 72 คน ใน จ.เชียงใหม่ “ผู้ป่วยรายนี้มีอาการไข้ ถ่ายเหลว ซึ่งผู้ป่วยเองก็ไม่นึกว่าเป็นโรคโควิด-19 จึงปฏิบัติตัวเหมือนคนที่ป่วยเล็กน้อย คือมีการสวมหน้ากากอนามัย จนกระทั่งวันที่ 26 พ.ย. ยังมีอาการถ่ายเหลว จึงได้ไปพบแพทย์ และมีการซักอาการเพิ่มพบว่าไม่ได้กลิ่น ซึ่งตรงกับอาการของโรคโควิด-19 นพ.โสภณกล่าว

เล็งเอาผิดลอบเข้าไทย ด้าน นพ.โอภาสกล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีนี้หากดูประวัติ มีอาการตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย.และเข้าประเทศไทยวันที่ 24 พ.ย.ซึ่งมีคำถามว่าเข้าประเทศมาทางใด ซึ่งหากเข้ามาทางปกติจะต้องถูกกักกันตัว 14 วันแน่นอนไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งที่ผ่านมาเราพบผู้ลักลอบเข้าเมืองมา และไม่ได้ให้ข้อมูลตรงไปตรงมา เพราะผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายร้ายแรง ซึ่งเป็นแบบนี้ต้องดำเนินการทางกฎหมายทุกอย่างที่มี ทั้งเรื่องการลักลอบเข้าเมือง และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ซึ่งคงละเว้นไม่ได้ และเชื่อว่ากรณีเช่นนี้จะเกิดขึ้นอีกหลายครั้ง จึงอยากขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกคนเป็นหูเป็นตา ทั้งเจ้าของบ้าน เจ้าของคอนโด ถ้าพบ คนที่เข้ามาจากต่างประเทศ ไม่ได้รับการกักตัว 14 วัน ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทันที เพราะจะเป็นอันตรายต่อตัวผู้ป่วยเอง ต่อชุมชน ต่อสังคม และประเทศไทย

2 เดือนเจอป่วยในบ้าน 9 คน นพ.โอภาสกล่าวด้วยว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ไทยตรวจพบผู้ป่วยในประเทศ 9 คน แต่ละเหตุการณ์ทำให้เราเรียนรู้ มีประสบการณ์ และบทเรียนที่จะพัฒนา ระบบการป้องกันให้ดียิ่งขึ้น เช่น กรณีครอบครัวชาวเมียนมา ที่ด่านแม่สอด จ.ตาก ทำให้เราปรับวิธีการขนส่งสินค้า กำหนดเซฟโซน โดยไม่ให้คนขับรถชาวเมียนมาลงจากรถ และสุ่มตรวจคนขับรถทุกสัปดาห์ กรณีหญิงฝรั่งเศส ซึ่งเข้าพักในสถานกักตัวทางเลือก ใน จ.สมุทรปราการ และผลการสอบสวนโรคพบว่า พบเชื้อในระบบระบายอากาศ

จึงต้องเข้าไปปรับระบบระบายอากาศให้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังพบว่า สถานที่ต่างๆมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นหลักฐานช่วยให้การสอบสวนโรครวดเร็วและชัดเจน เราจะทราบว่าคนไหนอยู่ใกล้ผู้ป่วยบ้าง และผู้ป่วยมีพฤติกรรมอย่างไร ที่สำคัญการสวมหน้ากากอนามัยของประชาชน จะช่วยป้องกันตนเองได้ดี จึงขอให้ทุกคนยังคงปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ด้วยการสวมหน้ากาก อนามัย ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่าง และสแกนแอปพลิเคชันไทยชนะ ส่วนพื้นที่ชายแดนก็ยังต้องเฝ้าระวังด้วยความเข้มงวดต่อไป

ลุยพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อสถานบันเทิง ส่วนบรรยากาศที่ จ.เชียงใหม่ หลังกรมควบคุมโรค ยืนยันแล้วว่าหญิงวัย 29 ปี ป่วยโควิด-19 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 11.30 น. นายณัฐฐชูเดช วิริยดิลกธรรม รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และนายดนัย สารพฤกษ์ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมสาธารณสุข เทศบาลนครเชียงใหม่ นำเจ้าหน้าที่เข้าฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ย่านสันติธรรม ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ สถานที่บันเทิงที่หญิงคนดังกล่าวระบุเดินทางมาเที่ยวเมื่อคืนวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนจะมีอาการไม่ได้กลิ่น และป่วยเมื่อยตัว

จึงเดินทางไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง กระทั่งผลตรวจเป็นบวก จึงถูกส่งไปรักษาตัวที่ รพ.นครพิงค์ โดยสถานบันเทิงดังกล่าวตั้งอยู่ในอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 2 คูหา เป็นระบบห้องปรับอากาศทั้งหมด ขณะที่เจ้าหน้าที่ในชุดป้องกันเชื้อ (พีพีอี) นำน้ำยาเข้าไปฉีดพ่นภายในสถานบริการบริเวณชั้น 1 ทั้งในห้องน้ำ ห้องครัว และโซฟาที่นั่ง ขณะเดียวกันทีมสอบสวนโรค จาก สสจ.เชียงใหม่ ได้เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งของพนักงาน สถานบันเทิงดังกล่าวเพื่อส่งตรวจค้นหาเชื้อโควิด-19 โดยผู้ดูแลสถานบันเทิงแห่งนี้ ระบุว่ามีพนักงานทั้งหมด 40 คน เจ้าหน้าที่จัดเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งส่งตรวจแล้วทั้งหมด เบื้องต้นไม่รู้สึกกังวลอะไร เพราะหลังหญิงที่ถูกระบุว่าติดเชื้อโควิด-19 เดินทางมาเที่ยวเมื่อคืนวันที่ 24 พ.ย. วันต่อมาก็ปิดให้บริการทันที

วิตกอยู่ใกล้แหล่งบันเทิง ด้านหญิงวัย 66 ปี ที่อาศัยอยู่ในอาคารพาณิชย์ถัดไป 2-4 คูหา ยอมรับว่ารู้สึกกังวลมาก เป็นห่วงลูกหลานที่อาศัยอยู่ใกล้จุดนี้ ทุกวันนี้พยายามดูแลป้องกันตัวเอง ไปไหนมาไหนก็ใส่แมสก์ และล้างมือตลอด ส่วนการดูแลและสอบสวนโรคเพื่อชี้แจงให้ประชาชนรับทราบ เป็นหน้าที่ที่ทางสาธารณสุขจะต้องดำเนินการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน

เซ็นทรัลปิดห้างบิ๊กคลีนนิ่ง ต่อมาหลังจาก สธ.เปิดเผยไทม์ไลน์ของหญิงสาวรายนี้ว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ในช่วงเวลา 12.00-20.15 น. ได้เดินทางไปยังศูนย์การค้าเซนทรัล เฟสติวัลเชียงใหม่ เพื่อรับประทานอาหาร ช็อปปิ้ง และชมภาพยนตร์ ทำให้ในช่วงบ่าย ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัลเชียงใหม่ ได้ออกประกาศให้ลูกค้าที่มาใช้ บริการ และร้านค้า ปิดให้บริการในเวลา 16.00 น. เพื่อทำความสะอาด หรือบิ๊กคลีนนิ่ง และจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 29 พ.ย.นี้ โดยบรรยากาศภายในศูนย์การค้า รปภ. ได้ปิดประตูทางเข้าทุกจุดห้ามลูกค้าเดินทางเข้าไป

และแจ้งขอปิดบริการเร็วกว่ากำหนด พร้อมระบายลูกค้าด้านในศูนย์การค้าออก ส่วนพนักงานของร้านค้าต่างๆ ได้ทยอยปิดร้าน ซึ่งในช่วงที่ลูกค้าพากันออกจากห้าง ส่งผลให้การจราจรขาออกศูนย์การค้าติดขัดอย่างหนัก

พนง.ห้างโผล่ตรวจเชื้อ ขณะเดียวกัน พนักงานขายในห้างสรรพสินค้า ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง หนึ่งใน 300 ชีวิต ที่มีการพูดคุยกับหญิงไทยวัย 29 ปี ที่ติดโควิด-19 เข้าขอรับการตรวจหาเชื้อ โดยพนักงานคนนี้เดินทางมายังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอรับการตรวจหาเชื้อ โดยให้ข้อมูลว่าให้การต้อนรับลูกค้ารายนี้เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ใช้เวลาพูดคุย 2-3 นาที เมื่อทราบข่าว จึงเดินทางมาตรวจหาเชื้อเพื่อความสบายใจ ไม่รู้สึกกังวลเพราะตนใส่หน้ากากอนามัยตลอดและเพื่อนอีกหลายคนเข้ารับการตรวจแล้วอยู่ระหว่างการรอผล

สาวเข้ามาขอตรวจเชื้อเอง ต่อมา นางวราภรณ์ ตันรุ่งเรือง รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชเวชเชียงใหม่ ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการ พร้อมด้วยนายแพทย์ธนาณัติ สืบวงศ์นิรัตน์ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริการด้านคุณภาพ เปิดแถลงข่าวถึงการตรวจพบหญิงวัย 29 ปี ป่วยโควิด-19 ว่า หญิงคนดังกล่าว เดินเข้ามาขอตรวจเชื้อโควิด-19 โดยแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่จุดคัดกรองที่หน้าโรงพยาบาลว่า เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ภายหลังจากที่มีการสอบสวนโรคแล้วทางเจ้าหน้าที่ได้นำหญิงคนดังกล่าว เข้าไป ตรวจยังห้องคัดกรอง ซึ่งเป็นห้องควบคุมความดันลบ ก่อนที่จะเก็บตัวอย่างจากเสมหะและน้ำลายของผู้ป่วยไปตรวจที่ห้องแล็บของโรงพยาบาล ใช้เวลารอผลประมาณ 4 ชั่วโมง โดยให้หญิงคนดังกล่าวนอนรอดูอาการอยู่ที่ห้องอุณหภูมิติดลบ ซึ่งทางโรงพยาบาลสร้างไว้อยู่ด้านนอกอาคารของโรงพยาบาล

ยันผู้ป่วยไม่ได้เข้าอาคาร รพ. ภายหลังจากที่ผลแล็บออกมา เบื้องต้นพบเชื้อโควิด-19 ทางโรงพยาบาลจึงใช้มาตรการควบคุมโรค โดยประสานไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่และโรงพยาบาลนครพิงค์เพื่อส่งตัวผู้ป่วยเข้าไปรับการรักษา ยืนยันว่าทางโรงพยาบาลมีมาตรการและการป้องกัน เพื่อไม่ให้เชื้อดังกล่าวแพร่กระจาย และขอชี้แจงว่าหญิงดังกล่าว ขณะที่มาตรวจคัดกรองกับทางโรงพยาบาลไม่ได้เข้าไปในอาคารของโรงพยาบาลแต่อย่างใด หลังจากที่หญิงคนดังกล่าวได้เดินวอล์กอินเข้ามาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าสงสัยว่าจะติดเชื้อโควิด-19 เจ้าหน้าที่สอบสวนโรคและพบว่ามีความเสี่ยงจึงนำเข้าห้องความดันลบเพื่อเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งก่อนที่จะส่งไปยังห้องแล็บเพื่อตรวจสอบอย่างเร่งด่วน จนกระทั่งทราบผล และส่งผู้ป่วยไปรักษาต่อ ยืนยันว่าผู้ป่วยไม่ได้เข้าไปในอาคารของโรงพยาบาลแต่อย่างใด

อ่านเพิ่มเติม

ขอบคุณ ไทยรัฐ

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ