เจ๊อ๋อ พูดถึงพินัยกรรม เสี่ยเต้ย มรดก 50 ล้าน
จากกรณี การจากไปของ เสี่ยเต้ย ทำเอาหลายคนให้ความสนใจ โดยเฉพาะพินัยกรรมและทรัพย์สินทั้งหมดนั้นยกให้ใคร ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 63 ที่ไปยังบ้านเลขที่ 171 หมู่ที่ 10 ต.หนองหว้า อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของ น.ส.วรรณลี ปัญญาใส อายุ 48 ปี หรือเจ๊อ๋อ 90 ล้าน อดีตภรรย านายสมภาร สุรัญกุล อายุ 41 ปี หรือเสี่ยเต้ย ซึ่งในวันนี้ เจ๊อ๋อ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในพื้นที่แบบเปิดหน้าพูดคุยครั้งแรก หลังจากอดีตสามีจากไป 5 วัน แต่อนุญาตให้ทางสื่อส่งตัวแทนที่คุ้นเคยและไว้ใจได้ จำนวน 2 คนมาสัมภาษณ์ที่บ้านพัก
นางสาววรรณลี ปัญญาใส หรือ เจ๊อ๋อ เปิดเผยว่า ตนรู้สึกเสียใจที่อดีตสามีจากไปอย่างกะทันหัน เพราะเขาเป็นคนดี เราเคยอยู่ด้วยกันมานานถึง 5 ปี โดยจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เริ่มตั้งแต่เราคบหากันก่อนที่จะเข้าพิธีแต่งงาน ขออโหสิกรรมที่เคยล่วงเกินหรือทำตัวไม่ดี ทำให้เขามีความทุกข์ ในส่วนที่เสี่ยเต้ย เคยทำไม่ดีกับตัวเราก็อโหสิกรรมให้ เพราะอยากให้เขาสงบสุขติ
เเละจะไปร่วมงานในวัน (25 พฤศจิกายน 63) เพียงวันเดียว โดยจะไม่ขออะไรมากเพียงแต่อยากไปส่งอดีตสามี เพราะในตอนนี้เราสองคนต่างคนต่างอยู่แล้ว เเยกทางกันไปแล้ว เหมือนกับไม่รู้จักกันแล้วอย่าได้จองเวรกรรมกัน เพื่อตนจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่และดูเเลบุตรหลานให้ดีที่สุด
ส่วนเรื่องที่เรามีบุตรบุญธรรมด้วยกันนั้น เป็นเรื่องจริง และจะดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยใช้เวลาดำเนินการ 1 ปีเศษ ในการเดินเรื่องซึ่งบุตรบุญธรรมชื่อ น้องนิวเวียร์ วัย 5 ขวบ เป็นบุตรสาวที่เกิดจากบุตรสาวของตน เดิมชื่อ เด็กหญิงนรินพร ปัญญาใส เปลี่ยนชื่อเป็น เด็กหญิงจันทร์จิรา สุรัญกุล ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรม ของนายสมภาร สุรัญกุล หลังดำเนินการตามขั้นตอนการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม ณ.ที่ว่าการอำเภอกุมภวาปี เมื่อวันที่ 28 กันย ายน 2560 ที่ผ่านมา
โดยมีนายวิชาญ ศิริพัฒนวรโชติ ปลัดอำเภอ รักษาการแทน นอภ.กุมภวาปี ในขณะนั้นเซ็นกำกับรับรองเป็นบุตรบุญธรรมเพียงคนเดียวของอดีตสามี โดยมีสิทธิในทรัพย์สินมรดกของเสี่ยเต้ย อย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วย
นางสาววรรณลี กล่าวอีกว่า ในส่วนที่อดีตสามี ได้ทำพินัยกรรมไว้ก่อนจากไป หากในพินัยกรรมเขียนระบุจะมอบหรือแบ่งส่วนให้กับใคร เช่นบุตรหลานหรือญาติพี่น้องของเขา ทางเราก็ต้องทำตามพินัยกรรมที่ระบุเอาไว้ แต่ในส่วนของเราก็รับในฐานะบุตรบุญธรรมที่อยู่ในความดูแลของตนในปัจจุบัน เพราะเราเป็นคนแบบสบายๆและไม่ยึดติดในทรัพย์สินที่บุตรบุญธรรมของเราจะต้องได้มาทั้งหมด
เพราะเราจ่ายไปเยอะอะไรแบบนี้ หากว่าให้ก็คือให้ เนื่องจากทรัพย์สินของทางเราก็มีมากพอสมควร และหากในพินัยกรรมไม่เขียนระบุถึงบุตรบุญธรรม เราก็ไม่เสียใจ เพราะเป็นผู้ให้ดีกว่าเป็นผู้รับ เพราะว่าเรามีมากพออยู่แล้ว อะไรที่เป็นของเราก็เป็นของเราอยู่วันยันค่ำ และอยากจะบอกทุกคนด้วยว่า การที่เราไปคาดหวังอะไรแบบมั่วๆมันก็ไม่ดี
หากพินัยกรรมของเสี่ยเต้ยระบุไว้ว่า ยกทรัพย์สินทั้งหมดให้ญาติพี่น้องของเขา พวกเขาก็ควรรับเอาไป เพราะตนเองเป็นเพียงคนกลาง ที่อยู่ระหว่างสองขั้ว คือญาติและบุตรบุญธรรมของเสี่ยเต้ย
ทั้งนี้ทาง เจ๊อ๋อ ได้เผยว่าในเรื่องทรัพย์สินทั้งหมดของ เสี่ยเต้ย จะยกให้ตามที่เขียนในพินัยกรรม เพราะตนเป็นแค่คนกลางเท่านั้น
เรียบเรียง mumkhao