เครดิตบูโร แนะคนเคยค้าง ขอโอกาสได้สินเชื่อใหม่
นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เปิดเผยว่า เครดิตบูโรมีข้อแนะนำสำหรับคนที่เป็นหนี้และเคยค้างชำระมาก่อน แต่อยากขอโอกาสที่จะได้สินเชื่อใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีผู้สอบถามเข้ามายังเครดิตบูโร โดยคำถามคือ เคยมีหนี้สินเชื่อบัญชีหนึ่งกับธนาคาร ต่อมาหมุนเงินไม่ทันเกิดค้างชำระนานกว่า 2 ปี และไม่มีการติดต่อกับธนาคารใดๆ ต่อมาธนาคารได้ขายหนี้ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์(เอเอ็มซี) เมื่อได้ติดต่อเอเอ็มซีในเรื่องหนี้ที่ค้างอยู่ และได้เจรจาชำระหนี้จนได้เอกสารรับชำระและเอกสารปิดบัญชีจากเอเอ็มซี
ต่อมาได้ขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารของรัฐแห่งหนึ่ง ผลคือปฏิเสธการให้สินเชื่อ เพราะในรายงานเครดิตบูโรมีสถานะบัญชี แสดงรหัสว่า 42 โอนหรือขายหนี้ให้กับนิติบุคคลอื่นหรือบริษัทบริหารสินทรัพย์" ประกอบกับในประวัติการชำระหนี้ได้แสดงรายการค้างชำระหนี้เกินกว่า 300 วัน จึงอยากรู้ว่าต้องทำอย่างไร อยากได้โอกาสอีกครั้ง
ทั้งนี้ได้ขอวิเคราะห์ตามลักษณะที่เกิดเรียกว่า เป็นคนเคยค้าง และเป็นเอ็นพีแอล เพราะค้างเกิน 3 งวดติดกัน โดยบัญชีนี้ถูกขายออกจากธนาคารไปเอเอ็มซี ซึ่งตอนขายออกไป ยอดหนี้ในบัญชีจะแสดงตัวเลขเป็นศูนย์ เหมือนกับว่าเอเอ็มซี ได้มาจ่ายหนี้ให้แทน ซึ่งในความเป็นจริงหนี้ที่มีอยู่ 100 บาท เอเอ็มซีอาจซื้อไป 50 บาท ก็ได้ แต่สุดท้ายคือหนี้ที่มีอยู่เป็นศูนย์
ต่อมาธนาคารส่งข้อมูลบัญชีในเดือนที่ขายออกไปโดยมีสถานะบัญชี แสดงรหัสว่า 42 โอนหรือขายหนี้ให้กับนิติบุคคลอื่นหรือบริษัทบริหารสินทรัพย์ ตามที่กฎหมายกำหนดซึ่งเป็นไปตามข้อเท็จจริง ขณะที่ธนาคารของรัฐที่ไปยื่นขอสินเชื่อ จะเห็นข้อมูลว่าเคยเป็นหนี้เสียแล้วถูกขายออกไป ไม่รู้ว่าชำระแล้วหรือยัง ธนาคารของรัฐอาจกลัวจะนำไปชำระหนี้ให้กับเอเอ็มซีก็ได้
โดยสิ่งที่ต้องดำเนินการเพื่อขอให้ธนาคารของรัฐพิจารณาเพิ่มเติมคือ คำขอตรวจข้อมูลเครดิตบูโรของตนเองเพื่อให้เห็น ว่าประวัติที่แสดงเป็นอย่างไร เอกสารการชำระหนี้กับเอเอ็มซี ไปแสดงประกอบว่าบัญชีที่เคยมีกับธนาคารและได้มีการขายออกไปนั้นจบแล้ว ปิดบัญชีหมดแล้ว อธิบายและเล่าอย่างตรงไปตรงมาว่า ที่ไปค้างชำระในอดีตนั้นเป็นเพราะอะไร อย่าโกหกเด็ดขาด และแสดงรายได้ แสดงเงินฝาก ให้เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว มีฐานะความมั่นคงแล้ว
เมื่อได้ดำเนินการอย่างนี้ไปทั้งหมดแล้วครบถ้วน ที่เหลือก็เป็นเรื่องกระบวนการพิจารณาเงินกู้ เพราะจะไปแก้ไขข้อมูลข้อเท็จจริงในอดีตที่อาจจะพลาดหลงให้ผิดไปจากความจริงที่ว่า เป็นคนเคยค้าง ค้างจนเอาบัญชีไปขาย แม้เจรจาจนชำระหมด ปัจจุบันมั่นคงพอสมควร ต้องการโอกาส ขอให้พิจารณา และลึกๆ ก็เข้าใจว่าเมื่อไปเป็นหนี้ใคร ก็ต้องใช้หนี้ ไม่มีใครมีความสุขหากยังมีหนี้คาใจดังข้างต้น
ขอบคุณ เดลินิวส์