ด่วน นักการทูตฮังการี ติดโควิดในไทย
ไทยพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่ม 4 คน อยู่ในสถานที่กักตัวที่รัฐจัดให้ และหนึ่งในนั้นติดเชื้อภายในประเทศ เป็นนักการทูตฮังการีประจำประเทศไทย มีประวัติสัมผัสใกล้ชิด รมต.ฮังการี ที่พบติดเชื้อเมื่อ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา วันนี้ (10 พ.ย.2563) เฟซบุ๊กศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 พบผู้ป่วยรายใหม่ 4 คน ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,844 คน หายป่วยแล้ว 3,670 คน เสียชีวิตสะสม 60 คน
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 4 คน เป็นชายสัญชาติอเมริกัน อายุ 50 ปี อาชีพผู้จัดการบริษัทเอกชน เดินทางมาจากสหรัฐฯ, ชายสัญชาติอินเดีย อายุ 38 ปี อาชีพพนักงานโรงแรม เดินทางมาจากอินเดีย, หญิงสัญชาติไทย อายุ 27 ปี อาชีพพนักงานทำความสะอาด เดินทางมาจากสวีเดน ทั้งหมดกักตัวที่ ASQ
และเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 1 คน คือ ชายสัญชาติฮังการี อายุ 53 ปี อาชีพนักการทูต มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยตรวจพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ เข้า ASQ และรักษาตัวที่สถาบันบำราศนราดูร
ยังไม่พบนักท่องเที่ยว STV ติดเชื้อ COVID-19
กรณีที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เห็นชอบแนวทางการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาพำนักในประเทศไทยในระยะยาวได้แบบจำกัดจำนวน โดยต้องเป็นนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ หรือนักท่องเที่ยวกลุ่ม STV ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวแล้ว 3 กลุ่ม นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้จะมีนักท่องเที่ยวกลุ่ม Long Stay เข้ามาบ้างแล้ว แต่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อจากกลุ่มนี้ โดยกลุ่มแรกเดินทางเข้าไทยเมื่อวันที่ 20 ต.ค. จำนวน 39 คน ครบระยะเวลากักตัว 14 วัน
แล้วเมื่อวันที่ 2 พ.ย. ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ กลุ่มที่ 2 เดินทางเข้าไทยเมื่อวันที่ 24 ต.ค. จำนวน 138 คน ครบระยะเวลากักตัวเมื่อวันที่ 6 พ.ย. ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ ส่วนกลุ่มที่ 3 เดินทางเข้าไทยเมื่อวันที่ 28 ต.ค. จำนวน 84 คน อยู่ระหว่างรอผลตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 โดยจะครบระยะเวลากักตัวในวันนี้ (10 พ.ย.)
ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป ระบุว่า สำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะเริ่มในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือความเสี่ยงใกล้เคียงกับไทย โดยมีมาตรการรองรับในการป้องกันควบคุมโรคอย่างเข้มข้น ตั้งแต่ก่อนการเดินทางจะต้องมีใบรับรองตรวจไม่พบเชื้อโควิดก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง
ระหว่างเดินทางทุกคนจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาที่อยู่บนเครื่องบิน และเมื่อเดินทางมาถึง จะมีระบบคัดกรอง ระบบกักกัน ตรวจหาเชื้อเป็นระยะตามมาตรฐาน เพื่อให้พบผู้ที่อาจติดเชื้อโดยเร็วที่สุด รวมถึงมีระบบติดตามขณะที่อยู่ในประเทศ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด สำหรับคนในประเทศ
ขอบคุณ thaipbs