ปฏิรูปการศึกษาเพิ่มความสามรถเด็กไทย สพท.ควบรวมโรงเรียนเล็ก เล็งใช้รถเมล์เก่ารับส่งนักเรียน
เมื่อวันที่ 29 ต.ค. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งในการมอบนโยบายผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จ.สมุทรสงคราม ว่า ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา ซึ่งต้องขอบคุณผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.)ทุกคนที่พร้อมเปลี่ยนแปลงการจัดการเรียนการสอนในช่วงดังกล่าว แม้ทุกคนจะกังวลและลำบากใจ รวมถึงไม่คุ้นเคยกับการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์แต่ก็สามารถร่วมต่อสู้กับตนจนผ่านพ้นมาได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งตนอยากให้ทุกคนช่วยกันปลดล็อกเปลี่ยนแปลง และเปิดกว้าง เรื่องใดที่เป็นสิ่งกีดขวาง
ด้านการศึกษาเราต้องปลดล็อก ซึ่งอนาคตของเด็กไทยคืออนาคตของประเทศ โดยเราต้องเพิ่มขีดความสามารถของเด็กไทยในการพูดสื่อสารภาษาอังกฤษให้ได้ ตนขอให้ผู้อำนวยการ สพท.ทุกคนเป็นแกนนำพลิกประวัติศาสตร์การศึกษาไทย และปีนี้จะต้องเป็นปีที่ต้องจริงจังในการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งเชื่อว่าทุกคนมีความสามารถทำได้อยู่แล้ว โดยจะต้อง กล้าทำกล้าเปลี่ยนแปลง ซึ่งตลอด 1 ปีของการทำงานด้านการศึกษาตนเห็นแล้วว่าเราจะต้องแก้ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็ก เพราะปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กคือการทิ้งใครบางคนไว้ข้างหลัง ดังนั้นเราต้องโอบอุ้มทำให้เท่าเทียม
รมว.ศึกษาธิการกล่าวอีกว่า ขอมอบการบ้านเขตพื้นที่ฯต้องควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กให้ได้ในสัดส่วนจำนวน 1 ต่อ 7 แห่งให้เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ ซึ่งไม่ต้องกังวล ตนมีแนวทางแน่นอน ล่าสุดหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องนี้แล้ว ซึ่งนายกฯได้เรียกนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม มาหารือเพื่อขอนำรถ ขสมก.ที่ไม่ได้ใช้งานแล้วมาปรับปรุงใหม่ไว้รับส่งนักเรียนที่ถูกควบรวม
ส่วนปัญหาโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำจังหวัดที่มีเด็กอัดแน่น 3,000-4,000 คน อยากฝากเขตพื้นที่ฯเข้ามาแก้ปัญหานี้ด้วย เนื่องจากการที่มีเด็กกระจุกตัวในโรงเรียนขนาดใหญ่จำนวนมากส่งผลให้คุณภาพการศึกษาไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นเราจะต้องสร้างโรงเรียนมัธยมศึกษา 4 มุมเมือง เพื่อลดการที่เด็กไปกระจุกตัวอยู่ในโรงเรียนขนาดใหญ่ให้ได้ รวมถึงการศึกษาขั้นพื้นฐานจะต้องเตรียมความพร้อมการส่งต่อเด็กให้ไปเรียนในสายอาชีพด้วย ทั้งนี้ตนขอฝากอนาคตการศึกษาไทยไว้ในมือผู้บริหารเขตพื้นที่ฯทุกคนด้วย.