คดีชมพู่ พยานโผล่มาเรื่อยๆ คลิปเสียงกระตุ้นการทำงานตำรวจ
เมื่อวันที่ 24 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ไปพูดคุยกับ นายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา มือปราบสัมภเวสี เปิดเผยว่า แม้ว่าผู้ใหญ่บ้านกกกอกจะเคลื่อนไหว และมีการแจ้งความจับใครบางคน ตนก็ไม่มีความกังวลใจใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะภายในคลิปเสียงที่เผยแพร่ไม่ได้กล่าวพาดพิงหรือใส่ร้ายตัวใครเลย เสียงเป็นเพียงแค่บทสนทนาระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงเท่านั้น
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34
โดยที่เราก็ไม่รู้ว่าคนที่พูดเป็นใคร และเนื้อหาของคลิปก็ส่งผลดีต่อการสืบสวน และแม้ว่าบางคนอ้างว่าเสียงในคลิปพูดไปเป็นการโกหก แต่ตนตั้งข้อสงสัยว่าถ้าเขาพูดโกหก เขาจะยอมทนพูดนานเป็นชั่วโมงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าเนื้อหาของคลิป เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะหาตัวคนร้ายมาดำเนินการ เพราะผ่านไป 4 เดือน คดีมันเงียบผิดปกติ ซึ่งการเผยแพร่คลิป ตนเพียงแค่ช่วยตีแผ่เรื่องบางเรื่องผ่านทางข่าวให้สังคมได้รับรู้เท่านั้น
นายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา มือปราบสัมภเวสี เปิดเผยว่า สำหรับผลกระทบถึงแม่น้องชมพู่นั้น ตนอยากชี้แจงว่าคลิปเสียงไม่ได้พาดพิงใครเลย เพราะเสียงในคลิปตนก็ได้เซ็นเซอร์เสียงให้เยอะแล้ว และตนมองว่าการที่ตนเผยแพร่คลิปเสียงนั้น เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสืบสวนคดีนี้ เพื่อจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว
การปล่อยคลิปเสียงนั้นตนไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้งใคร เพียงกระตุ้นการทำงานของตำรวจ อะไรที่พอเป็นแนวทางการสืบสวน ตนก็ยินดีจะให้การช่วยเหลือ ตนถึงตั้งรางวัลนำจับจำนวน 5 แสนบาท แต่อยากฝากไว้ว่าสำหรับคลิปเสียงที่เผยแพร่ ตนไม่ได้ต้องการเงินรางวัลนำจับ อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่า การปล่อยคลิปนั้นเป็นประโยชน์ เพราะตนได้ปรึกษาทนายก่อนปล่อยคลิป คนไทยทั้งประเทศอยากรู้ว่าใครคือคนที่ทำร้ายน้องชมพู่ และจะต้องไม่ใช่การจับแพะ ล่าสุดทีมข่าวทราบข้อมูลจากตำรวจและคำยืนยันจากชาวบ้าน ว่ามีชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง เป็นกลุ่มชุดแรก ๆ ที่ขึ้นภูเหล็กไฟวันที่ 11 พ.ค.63 เวลาช่วงบ่าย และไปใกล้จุดที่เจอศพที่สุด
ทีมข่าวยังได้ เจอกับนางปิ่น (นามสมมติ) ชาวบ้านกกกอก คนที่เคยออกมาให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวี กรณีเรื่องแม่น้องชมพู่จำกางเกงของลูกผิด นางปิ่น เล่าว่า วันที่ 11 พ.ค.63 เวลาประมาณ 14.00 น. กลุ่มของตนเดินขึ้นไปตามหาเบาะแสน้องชมพู่ บนภูเหล็กไฟ เพราะพระอาจารย์ลาย บอกว่า “ให้ขึ้นไปหาบนเขา มีคนพาขึ้นไป ตนจึงรวมตัวกันกับชาวบ้านอีก 6 คน มีทั้งคนกกตูม และกกกอก ไปหาพร้อมกัน ส่วนชาวบ้านอื่น ๆ ก็ไปหาเหมือนกัน แต่ต่างคนต่างไป และส่วนใหญ่จะอยู่แค่เพียงตีนเขา สวนยางพารา สวมมันสำปะหลัง
แต่กลุ่มตนเดินตรงขึ้นไปตามทาง ขึ้นไปถึงประมาณพัก 3 ซึ่งถ้าเดินต่อไปอีก 30 นาที ก็จะเจอจุดที่พบศพน้องชมพู่ก็ได้ นางปิ่น บอกว่า สิ่งที่ทำให้กลุ่มตนไปไม่ถึงจุดพบศพ เพราะว่าช่วงที่กำลังเดินขึ้นไป คนในกลุ่มมีคนพูดขึ้นมาว่า “เจอชมพู่แล้ว มีคนเอาไปคืนที่รร.กกตูม ให้ไปรับตัวเด็ก แต่ตนก็จำไม่ได้เป็นเสียงของใคร เพราะหลังจากมีคนพูด กลุ่มตนก็หยุดแล้ววกกลับลงมา พร้อมกับพูดขึ้นว่า“เร็ว ๆ ลงไปเร็ว ๆ ทำให้ไม่สามารถจำได้ต้นเสียงมาจากใคร กระทั่งลงมาถึงจุดพัก 2 ก็มาเจอทีม ป้าแต๋น น้าต่าย นายบุญทันและชาวบ้านคนอื่น ๆ ซึ่งก็รีบพากันลงมาจากเขาภูเหล็กไฟไปที่ รร.กกตูม แต่ก็ไม่เจอเบาะแสอะไร
ทั้งนี้ หลังเจอศพ ตนก็มานั่งคิดย้อนกลับไปว่า ทำไมไม่ขึ้นไปอีกนิด ไม่เช่นนั้นคงจะเจอศพ หรือเจอเบาะแสน้องชมพู่ก็ได้ เพราะทีมของตนก็ไปเกือบถึงแล้ว แต่ก็ยังสงสัยอีกว่า ทำไมคนในกลุ่ม มีคนพูดว่าเจอน้องชมพู่ที่ รร.กกตูม ลักษณะเหมือนสื่ออะไรบ้างอย่าง เพื่อไม่ให้ไปถึงจุดพัก 4 หรือไม่ ตนยืนยันว่าตลอดทาง ได้สังเกตตามทางเดิน ไม่พบรถแบ็กโฮ หรือแหวน ส่วนหนึ่งเชื่อว่าอาจมองไม่ทั่ว แต่อีกมุมก็มองว่า รถแบ็กโฮอาจยังไม่มีอยู่บนเขาหรือไม่ นอกจากนี้ นางปิ่น ยังเล่าย้อนให้ทีมข่าวฟังว่า ช่วงวันที่ 11 พ.ค.63 ตอนเย็น ฝนตั้งเค้ากำลังจะตก กลุ่มตนยังเดินหาต่อ บริเวณโรงเรียนกกกอก ซึ่งมีพ่อน้องชมพู่มาร่วมเดินค้นหาด้วย แต่ไม่มีแม่น้องชมพู่มาเดินร่วมในทีม จังหวะที่ฝนใกล้ตน พ่อน้องชมพู่เดินตามหาไปด้วย ร้องไห้ปาดน้ำตาไปด้วย ตนก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องร้องไห้ แต่อีกใจก็คิดว่าเป็นห่วงลูก เพราะยังหาไม่เจอ
จากนั้น นางปิ่น ได้ส่งภาพถ่ายในมือถือ ซึ่งบันทึกเอาไว้ วันที่ 11 พ.ค.63 ประมาณช่วงบ่าย บริเวณตีนเขาตรงสวนมันสำปะหลัง ทางขึ้นไปบนเขาภูเหล็กไฟ โดยผ่านป่ายางพารา ซึ่งถ่ายภาพทีมที่ขึ้นไปบนภูเหล็กไฟพร้อมกันมี 7 คน ซึ่งนางปิ่นเป็นคนถ่าย คนที่อยู่ในภาพ คือ นางพี นางฝน นางแนน นางแมม นางเปิ้ล นางโนรี นายพูนศรี ชัยมะโย อายุ 54 ปี พ่อของนายพิศนุพร ในฐานะกลุ่มชาวบ้าน ที่ร่วมค้นหาชมพู่ กับพ่ออนามัยค่ำวันที่ 11 พ.ค.63 แล้วกลับมาบ้านตอนวันที่ 12 พ.ค. เวลา 01.00 น.
นายพูนศรี เปิดเผยว่า วันที่ 11 พ.ค.63 ตนออกไปพร้อมกับชาวบ้านและพ่อน้องชมพู่ รวม 6 คน (นายพูนศรี พ่อน้องชมพู่ นายหำ นายบัด นายเสริม นายบี) ซึ่งมีการค้นหาเวลา 23.00 น. ค้นหาจากหลังบ้านไปสวนยางพารา ตัดไปที่ รร.กกกอก จากนั้นก็ย้อนกลับมาเส้นทางเดิม ซึ่งตลอดทางเรียกชื่อ “ชมพู่ตลอดทาง ช่วยกันค้นหาจนกระทั่งเวลา 01.00 น. เข้าวันที่ 12 พ.ค.63
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34
หลังไปถึงบ้าน แม่น้องชมพู่นอนอยู่ในบ้าน ลุกขึ้นมาบอกกับทุกคนว่า “วันนี้พอก่อน กลับบ้านแยกย้ายนอนก่อนดีกว่า” ตนก็ได้ออกมาจากบ้านน้องชมพู่กลับมานอน แต่ก็ไม่ทันได้สังเกตพฤติกรรมว่า พ่อแม่จะมีท่าทีว่าจะออกไปค้นหาเพียงลำพัง แต่มาทราบจากข่าวภายหลังว่าออกไปค้นหาต่อจนถึงเช้า
ส่วนเรื่องคลิป ที่มีการสนทนา ตนมองว่า เสียงผู้ชายก็คือ ผู้ใหญ่นิ่ม ไม่ใช่คนอื่น แต่ขอไม่แสดงความเห็นว่าอะไรจริงไม่จริง เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้ใหญ่กับปลายสายที่สนทนาระหว่างกัน
ภายหลังการให้สัมภาษณ์ นายพูนศรี บอกว่า วันที่ค้นหาน้องชมพู่กลางดึก ทุกคนใส่ไฟส่องกบที่หัวทุกคน พ่อน้องชมพู่ก็ใส่ไว้ที่หัว ไม่มีใครเดินถือ และที่สำคัญในทีมของตนที่หาด้วยกัน ไม่มีใครขึ้นไปบนเขาภูเหล็กไปในคืนนั้น พร้อมทดสอบแสงไฟส่องกบ บอกว่า พ่อน้องชมพู่ใช้รุ่นลดระดับไฟไม่ได้ ดังนั้นตามข้อสันนิษฐานพ่อแม่ขึ้นเขาแล้วลดแสงไฟ จึงเป็นไปไม่ได้
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ นายไชยพล วิภา หรือลุงพล ลุงของน้องชมพู่ เปิดเผยว่า หลังคลิปเสียงถูกเผยแพร่ แล้วตำรวจเข้าไปสอบปากคำ นายธนกฤตเพิ่มเติม ส่วนตัวมองว่า อาจเป็นเพราะนายธนกฤตเป็นคนพูดตรง พูดจริง และข้อมูลมีความน่าเชื่อถือกว่าคนบางคนในกลุ่มที่เป็นพยานของพ่อน้องชมพู่ เพราะมีเวลาจากมือถือ รวมถึงสิ่งที่ยังจับต้องได้ แต่ในทางกลับกัน คนบางคนมีแค่การคาดการณ์ ตำรวจจึงเลือกสอบเฉพาะคนที่น่าเชื่อถือ “ผมเชื่อว่าตำรวจรู้ ว่าควรเชื่อข้อมูลจากใคร ถ้าเป็นผม ผมจะให้น้ำหนักกับทางนายธนกฤตมากกว่า”
ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านอาจปฏิเสธเรื่องคลิปเสียง ว่าถูกอัด หรือไม่เป็นความจริง หรือแม้กระทั่งการตอบไปทั้งหมดเพราะความรำคาญ ตนมองว่า อยากให้เจ้าตัวออกมาชี้แจงเอง ควรออกมารับผิดชอบต่อคำพูดตัวเอง พูดถึงคนอื่น พาดพิงไปหลายคน ควรออกมารับผิด ไม่ใช่การออกมาแก้ตัวเรื่องคลิป ลุงพล ยอมรับว่า อาจกระทบกับกลุ่มคนบางคน ดังนั้นคนที่ถูกพาดพิง กล่าวถึง ก็ควรออกมาขี้แจงเอง เพราะตนพูดมาตลอด คนกกกอกควรออกมาปกป้อง ออกมาช่วยกัน ไม่ใช่มัวแต่เอาตัวรอด แล้วไม่มีใครพูดอะไร จนวันนี้กล้าพูดหลายเรื่อง แต่อาจสายเกินไป เพราะตำรวจอาจไม่ให้น้ำหนัก ส่วนตัวยอมรับว่าห่วงความรู้สึกพ่อแม่น้องชมพู่ เพราะก็ยังเป็นครอบครัวเดียวกัน ผ่านอะไรมาด้วยกัน ส่วนทางผู้ใหญ่ให้ออกมารับผิดชอบสิ่งที่พูดออกมา
ส่วนเรื่องที่หมอปลา และ 2 ทนาย จะเดินทางมา มีวัตถุประสงค์เพื่อจะมอบคลิปเต็ม 1 ชั่วโมง ที่มีการสนทนาไปมอบให้ตำรวจ เพื่อผลคืบหน้าทางคดี ซึ่งไม่ใช่คลิปแค่ 13 นาที และเทปนี้ก็เป็นความยาวเต็ม ไม่มีการคัดหรือตัดต่อ
ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34