ภาพล่าสุด บ้านสาวิตรี หลังบอกไม่มีเงิน

ภาพล่าสุด บ้านสาวิตรี หลังบอกไม่มีเงิน

ล่าสุดคดีน้องชมพู่ ที่สังคมกำลังจับตามอง และกำลังถกเถียงกันอย่างหนักจนเกิดกระแสนักร้องหลายท่านออกมาโพสต์ทำนองว่าดังจากคดีน้องชมพู่ หากคดียังไม่สามารถมีคำตอบได้เชื่อว่ากระแสจะแรงขึ้นเรื่อยๆ จนที่สุด พยานคดีน้องชมพู่ ยังสงสัยคำให้การพ่อน้องชมพู่ ยืนยันตนเองเจอพ่อน้องชมพู่ตอน 9 โมง บนถนน แต่พ่อน้องชมพู่ให้การตำรวจว่าออกจากบ้านไปนาตอนประมาณ 07.30 น. เรียกร้องตำรวจเร่งสรุปคดีโดยเร็ว

ภาพจาก ข่าวช่อง 8

พ่อกับแม่น้องชมพู่

ล่าสุดมีข้อมูลจากพยานคนหนึ่งออกมาบอกตำรวจ บอกว่าพ่อน้องชมพู่ ให้การขัดแย้งกับความเป็นจริง ทีมข่าวลงพื้นที่คุยกับพยานคนดังกล่าว ที่บ้านกกกอก โดยบอกว่าสิ่งที่พ่อน้องชมพู่ให้การกับตำรวจไม่ตรงกับความเป็นจริงอย่างยิ่ง วันที่พ่อน้องชมพู่บอกว่า ออกไปนาช่วง 07.30 พนานยืนยันว่าเจอพ่อน้องชมพู่บนถนนก่อนจะลงนาเวลา 09.00 ซึ่งเวลาดังกล่าวขัดแย้งกัน แล้วพยานก็ยืนยันมั่นใจว่ามันเป็นเวลานี้จริงๆ พยานก็งงว่าทำไมพ่อน้องชมพู่ทำไมถึงไปให้การแบบนั้น

ภาพจาก ช่อง 8

โดยพยานบอกว่าบ้านน้องชมพู่กับที่นาอยู่ไม่ใกลกัน ถ้าออก 07.30 จริง 08.30 น.พ่อต้องอยู่ในนาแล้ว แต่วันที่เจอพ่อยังขับรถไถสีส้มอยู่บนคันนาอยู่เลย คือยังลงไม่ถึงที่นามัน 9 โมงกว่าแล้ว เวลามันเหลื่อมกันเยอะเกินไป ฝั่งพยานบอกว่าอยากให้คดีนี้จบเร็วๆ ในส่วนหนึ่ง สงสารน้องชมพู่ ทุกวันนี้ลุงพลเป็นผู้ต้องสงสัย แต่ยังดีที่มีคนให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม กลายเป็นเซเล็ปเงินล้าน

แม้ว่าในกระแสโลกออนไลน์ช่วงหนึ่งจะมีการสนับสนุนลุงพลเป็นอย่างมาก แต่จะเห็นว่าช่วงหลังจะมีกระแสแบนลุงพล แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ได้ทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนไปได้ และยืนยันว่าตนเห็นพ่อน้องชมพู่จริงๆตอน 9 โมง ล่าสุดอย่างที่ทุกคนรู้คดีนี้ยังไม่ยอมปิดสักที มีการตั้งรางวัลนำจับ สำหรับคนที่แจ้งเบาะแสว่าใครทำน้องชมพู่ แล้วคนหนึ่งที่ลงขันเลยคือลุงพล 100,000 บาท ไม่เพียงเท่านั้นหมอปลาให้อีก 50,000 สารวัตรแรมโบ้ให้อีก 20,000 และเพจอย่าหาทำให้อีก 30,000 และคุณอุ๊บ วิริยะให้อีก 100,000 รวมทั้งหมดตอนนี้เงินรางวัลอยู่ที่ 300,000 สำหรับคนที่ชี้ข้อมูล

ส่วนในความคืบหน้าของคดี ทางด้าน พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช ฉายาสารวัตรแรมโบ้ อดีตผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ และอดีตสารวัตรกองปราบนครบาล กล่าวว่า ประเด็นโลกโซเชียลฯ ที่มีคนออกมาพูดว่า น้องน้องชมพู่ตายฟรี ตำรวจจับใครไม่ได้ ตนยืนยันและมั่นใจว่าเป็นไปไม่ได้

ตำรวจไทยเก่งที่สุดในโลก ตอนนี้ตำรวจกำลังทำงานกันอยู่ ตนเป็นตำรวจที่เกษีณไปแล้ว แต่ก็ได้รวบรวมเงินรางวัลเป็นรางวัลนำจับ และให้กับคนที่แจ้งเบาะแส เราต้องช่วยกัน ต้องให้กำลังใจกัน โดยเฉพาะตำรวจไทย คดีใหญ่ ๆ ลึกลับซับซ้อน ที่ผ่านมา ตำรวจก็จับได้หมด ตอนนี้รู้ตัวหมดแล้ว ใครฆ่า ใครจัดฉาก เพียงแต่รอหลักฐานเท่านั้น จึงคิดว่า หากมีเงินรางวัลนำจับ และเงินรางวัลให้ผู้ที่แจ้งเบาะแสมาล่อใจ คนร้ายอาจแตกคอกันเอง และออกมาให้ข้อมูล อย่างไรก็ตามความรู้สึกจากใจตนอยากบอกว่า น้องชมพู่ต้องไม่ตายฟรี

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

เงินรางวัลที่ตั้งไว้ เพื่อให้เป็นขวัญกำลังใจกับพลเมืองดี ที่กล้าออกมาสู้ความจริง อยากฝากถึงผู้กระทำความผิด อยากให้คนผิดออกมาพูดความจริง กล้ารับผิด เชื่อว่าสังคมจะให้อภัย ถ้าหลังจากนี้ผ่านไป ความจริงปรากฏขึ้นมา เชื่อว่าสังคมจะไม่ให้อภัยเด็ดขาด เรื่องวันเวลา และการหายตัวของน้องชมพู่ ยืนยันว่าน้องเดินขึ้นเขาไปเสียชีวิตด้วยตัวเอง เป็นไปไม่ได้ ส่วนเรื่องคน ๆ เดียว จะอาศัยเวลาช่วงเช้าพาน้องชมพู่ขึ้นไปเป็นบนเขาเหล็กไฟ ก็เป็นไปไม่ได้ เชื่อว่าคนร้ายทำงานกันหลายคน วันที่ 11 พ.ค.63 เป็นไปไม่ได้ที่จะแบกน้องชมพู่ขึ้นเขา เพราะต้องมีคนเห็น ดังนั้นตนเชื่อว่าน้องน่าจะเสียชีวิต วันที่ 10 พ.ค.63 ด้านล่าง และมีการจัดฉากกัน

หลังจากที่หลายๆฝ่ายช่วยกันระดมทุนในการชี้เบาะแสคนร้าย รวมเงินรางวัลล่าสุด 300,000 บาทแล้ว จากนั้นทีมข่าวมีโอกาสคุยกับนางนลิน เงินนาม หรือป้าถอน พยานของลุงพล เปิดเผยว่า กรณีที่มีโทรศัพท์ โทรเข้ามาถามวันที่ 11 พ.ค.63 ตอนไปส่งพระ พูดทำนองว่า

เอาน้องชมพู่ขึ้นรถไปด้วยหรือไม่ ตนได้รับสายดังกล่าวจริง โดยเป็นเบอร์ของนายเสริม แต่มีนางสาวิตรี แม่น้องชมพู่เป็นคนถาม ซึ่งพูดว่า “เอาชมพู่ติดรถไปด้วยไหม หากันไม่เจอ” ตนและคนในรถก็ตอบว่า ไม่ได้เอาไป ไปส่งพระจะเอาไปได้อย่างไร

ดังนั้นจึงยืนยันว่า ในวันที่ไปส่งพระ ไม่ได้มีน้องชมพู่อยู่ในรถ เพราะตอนที่ออกจากหมู่บ้าน ก็ไม่เห็นน้องชมพู่วิ่งออกมาขึ้นรถ จึงเป็นไปไม่ได้ที่เด็กจะขึ้นรถไปพร้อมกับกลุ่มของตน ส่วนกรณีที่มีการรวมเงิน เพื่อเป็นรางวัลนำจับสำหรับเบาะแสคนร้าย ที่ล่าสุดรวมเงินได้กว่า 300,000 บาทแล้วนั้น ป้าถอน บอกว่า จำนวนเงินดังกล่าว สามารถที่จะทำให้คดีมีความคืบหน้าได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนกล้าไหม ถ้าเป็นไปได้คนที่รู้เรื่องนี้หรือรู้เบาะแส ก็ให้ไปบอกกับตำรวจ อย่างน้อยก็สามารถปิดคดีได้เร็วขึ้น และทำให้คดีน้องชมพู่ได้รับความเป็นธรรม

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าวอัมรินทร์ ทีวี

หลังจากที่มีข่าวการตั้งเงินรางวัลนำจับ ชาวโซเชี่ยลเริ่มมีคำถามว่า ในส่วนของผู้สูญเสีย พ่อแม่น้องชมพู่กล่าวว่าไม่มีเงินร่วมระดมทุน แต่สังเกตุว่ามีการต่อเติมบ้าน ไปเดินห้างซื้อโทรศัพท์ เงินบริจาคไปไหนหมด ทั้งที่ก็ได้ไปไม่น้อยทั้งเงินสดและโอนเข้าบัญชี และไม่มีการโชว์สเตจเม้นท์เพื่อความบริสุทธิ์ใจสักครั้ง

ภาพจาก ช่อง 8

ภาพจาก ช่อง 8

เชื่อว่าเร็วๆนี้คงมีข่าวดีแน่นอนครับเพียงแต่ต้องรอกันหน่อย เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่และต้องรอบครอบเหตุที่ไม่แถลงความคืบหน้าอาจจะเป็นเพราะเกรงว่าจะเสียรูปคดีก็เป็นได้

ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว และช่อง 8

เรียบเรียง มุมข่าว

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ