ร่างทรงโผล่บ้าน แม่ชมพู่

ร่างทรงโผล่บ้าน แม่ชมพู่

เมื่อวันที่ 26 ก.ค.63 ระหว่างที่คนกำลังให้กำลังใจ ปรากฏมีผู้หญิงสวมชุดขาว ห่มขาว เดินทางมาพบกับป้าแต๋น ก่อนที่ป้าแต๋นจะไปรับแขก จึงยังไม่ได้คุยรายละเอียด ในระหว่างนั้นทีมข่าวเข้ามาพูดคุยด้วย ทราบชื่อ นางคำพอง นุ่นนาแซง เดินทางมาจาก อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ซึ่งมีท่าทีคล้ายจะประทับทรง โดยมีอาการปากสั่น ตัวสั่น และคล้ายกับคนที่อยากพูด แต่เหมือนมีบางสิ่งทำให้ไม่อยากพูด

ทั้งนี้มีเสียง งือ ๆ ๆ ๆ มีลูกคอด้วย และร้องออกมา โดยนำมือขวาทาบอกไว้ โดยขอธูป 9 ดอก ระหว่างนั้นก็พูดว่า ตนเองเดินทางมาจากสระแก้ว ตอนนี้อาการไม่รู้ว่าเป็นอะไรถึงต้องเดินทางมา โดยมากับครอบครัว นางคำพอง พยายามคุมสติเอาไว้ ทีมข่าวพยายามสอบถาม ระบุว่า อยากจะจุดธูปถามว่าตัวเองมาที่นี่เพราะอะไร ตนเองอธิบายไม่ถูก โดยพูดออกมาว่า คน 2 คนทำไมต้องสร้างความเดือดร้อน เขาไม่เชิงเป็นคนร้าย แต่เป็นคนที่รู้อะไรบางอย่าง แต่ไม่ยอมพูดออกมา นางคำพอง หลับตาทำหน้าสั่นไปมาอย่างแรง และบอกว่า คน 2 คนนี้ก็ไม่ได้ตั้งใจ” จากนั้นก็นิ่ง และบอกว่าตนเองไม่ขอพูดถึงเบาะแส แต่คนที่รู้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอะไร ทำไมยังนิ่งเฉยอยู่

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

เมื่อนางคำพองรับธูป 9 ดอก ก็ลุกยืนขึ้น จากนั้นก็มองหาไปตามหน้าบ้านลุงพล มองไปมาซ้ายขวา มีอาการปากสั่นตลอด สั่นเหมือนคนหนาวเวลาว่ายน้ำ จากนั้นเลือกที่ด้านหน้าบ้านลุงพล จากนั้นคุกเข่าลง และร้องเสียงงือ ๆ ๆ ออกมา ก่อนสวนมนต์ คล้ายกำลังสวดเชิญอะไรบางอย่าง ข้าพเจ้ามีความยินดีอยากจะมาช่วยเหลือ อยากให้เรื่องราวมันกระจ่าง จากนั้นก็ปากสั่นอีก ก่อนจะบอกว่าองค์ที่ประทับร่างไปแล้ว นางคำพอง กลับมามีอาการปกติ ระบุว่า

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

ตอนนี้ท่านได้ออกไปจากร่างแล้ว ตอบอะไรไม่ได้แล้ว แต่ตนตอบในฐานะตัวเอง ก็สงสัยว่าหมอ พระ คนเก่ง ๆ ก็มา แต่ทำไมยังจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ ตนไม่รู้ว่ามาทำอะไร แค่องค์ทรงอยากจะมาก็เลยเดินทางมา

หลังจากที่นางคำพอง นุ่นนาแซง ประกอบพิธีที่บ้านลุงพล ก็ได้เดินทางไปกราบศาลหลักบ้าน ที่ใกล้ ๆ บ้านของน้องชมพู่ ซึ่งหลังกราบเสร็จ นางคำพอง บอกกับทีมข่าวว่าสัมผัสอะไรไม่ได้ ต่อมานางคำพองก็ได้เดินทางไปยังบ้านของน้องชมพู่ และได้ไปนั่งพูดคุยที่บริเวรแคร่หน้าบ้าน โดยมีนางสมควร, นางพงศ์สุดา ย่าของน้องอาชิ นางสาวิตรี และนายอนามัย มานั่งฟัง ซึ่งนางคำพองได้มานั่ง มีอาการปากสั่นเครือเหมือนกำลังเข้าทรง พร้อมกล่าวกับยายของน้องชมพู่และย่าของน้องอาชิว่า มีคนที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทำไมไม่ชี้แจงและต้องปกปิด และบุคคลนั้นมีความสุขนักหรือที่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น คนเราเกิดเป็นมนุษย์เหมือนกัน เกิดเป็นมนุษย์ก็ดีหนักหนา และการเป็นมนุษย์มีให้เลือกอยู่ 2 อย่าง คือ จะสร้างบุญหรือจะสร้างเวร บางสิ่งบางอย่างรู้ แต่ทำไมไม่พูด

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

หลังจากพูดจบ นางลำพองก็มีอาการเปลี่ยนไปกลับมาเป็นปกติ และบอกว่าตัวเองกลับมาเป็นตัวเองไม่ได้ทรงแล้ว และไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว ซึ่งเมื่อทีมข่าวถามว่าคนที่มาทรงเป็นใคร นางลำพองก็ตอบเพียงว่า ให้จุดธูปตั้งจิตถามองค์ท่านและจะได้รู้ ต่อมานางลำพอง มีน้ำเสียงแข็งกร้าวเหมือนเข้าทรงอีกครั้ง และพูดกับยายของน้องชมพู่ว่า ยายเคารพบูชาสิ่งใดอยู่ เคารพบูชาสิ่งใด ซึ่งยายตอบว่า เคารพพระพุทธเจ้า นางลำพองก็นั่งหลับตาลงและสั่นหน้าเล็กน้อย พร้อมกับเปิดตาและถามยายกลับว่า ถ้ามีจิตศรัทธาแล้วควรจะทำอย่างไร และนางลำพองก็บอกว่า บอกอะไรไม่ได้เพราะมีคนปิดบังอยู่ ถ้าบุคคลนั้นไม่คิดจะเบียดเบียนคนอื่นให้เกิดทุกข์ เขาก็จะมีจิตสำนึกขึ้นมาว่าสิ่งที่ทำลงไปสมควรที่จะทำหรือไม่ แม่ของน้องชมพู่ ได้เดินมานั่งฟังด้วย

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

โดยนางสาวิตรีพูดกับนางลำพองว่า "ถ้าอยากพูดว่าเป็นพ่อชมพู่ก็พูดได้ ซึ่งนางลำพองก็ได้เชิญนายอนามัยมานั่งใกล้ ๆ และบอกให้นายอนามัยถอดเสื้อ แต่พ่อของน้องชมพู่ไม่สะดวกจะถอด แต่นางลำพองก็ยืนยันว่าจะให้ถอดเสื้อเพื่อความสดใสกระจ่าง หลังจากที่พ่อของน้องชมพู่ไม่ถอดเสื้อ นางลำพองก็บอกว่าตัวเองไม่รู้เรื่องอะไร และไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่ตัวเองพูดถึง ซึ่งทางครอบครัวของน้องชมพู่ พยายามถามว่านางลำพองหมายถึงใคร แต่ตัวนางลำพอง ก็ไม่สามารถตอบได้

สุดท้าย นางลำพองก็บอกว่า ตัวเองยังไม่รู้เหตุผลเลยว่าทำไมต้องมาที่บ้านน้องชมพู่และมาเพื่ออะไร เพราะเจ้าตัวเป็นแค่คนธรรมดาที่ไหว้พระสวดมนต์ ส่วนใครที่มีวิชา ก็ให้มาสื่อสารจะได้พูดคุยกันรู้เรื่อง เพราะตนสัมผัสไม่ได้ หลังจากนั้นตำรวจชุดคลี่คลายคดีน้องชมพู่ ก็ได้มาเชิญตัวนางลำพองไปพูดคุยปรับทัศนคติ และนางลำพองก็ได้เดินทางกลับไป

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านกกกอก ไปพูดคุยนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ เปิดเผยว่า ตอนที่ร่างทรงมาตนได้ยินร่างทรงพูดว่า มีคนกำความลับไว้และสร้างความลำบากให้ชาวบ้าน ตนจึงพยายามถามว่าคน ๆ นั้นคือใคร เพราะถ้าร่างทรงคิดว่าตนหรือพ่อของน้องชมพู่กำความลับ เขาก็ต้องพูดมาเลย เพราะตำรวจก็ต้องมาจี้ที่พวกตน จึงอยากให้ร่างทรงพูดให้กระจ่างไปเลย

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

เพราะถ้ามีคนมาพูดในลักษณะนี้ซ้ำ ๆ ตนก็รู้สึกหนักใจ เพราะถ้าคนคิดแบบนี้มาก ๆ โดยที่ไม่มีหลักฐาน ครอบครัวตนก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะยังมีคนตั้งข้อสงสัยกับครอบครัว ซึ่งตนไม่อยากให้พูดแบบนี้บ่อย ๆ เพราะเป็นสิ่งไม่ดี ซึ่งถ้าร่างทรงมาแล้วพูดชื่อใครไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าตำรวจรู้ข้อมูลก็ควรบอกตำรวจไปจะดีกว่า

ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าวอัมรินทร์ ทีวี

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ