เมื่อวันที่ 24 ก.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาพบกับ นางลดา นามสมมติ แม่ของเด็กแก๊งจำปาที่เห็นชายเสื้อส้ม เปิดเผยว่า กรณีคนเสื้อส้มยืนยันว่าลูกสาวเห็นเสื้อส้มจริง โดยเห็นวันที่ 11 พ.ค.63 ยืนยันว่าไม่ได้มีการจำวันผิด ซึ่งลูกสาวมาบอกกับตนตั้งแต่วันแรกที่เห็น

โดยลูกสาวมาบอกว่า เห็นคนใส่เสื้อสีส้มวิ่งผ่านไปตรงถังน้ำ วิ่งตามเนินเขาไป ซึ่งไม่ได้บอกว่าเป็นใคร แต่ลูกสาวบอกว่าเห็นคนเดียว ไม่เห็นคนอื่น ขณะนั้นลูกสาวอยู่บนถนนซอยบ้านน้องชมพู่ ซึ่งเลยบ้านน้าต่ายมาเกือบถึงไร่มันยายจำลอง ลูกสาวไม่ได้อยู่ที่ต้นจำปา แต่ช่วงแรกชาวบ้านไปรือกันเองว่าน้องไปที่ต้นจำปา โดยตอนที่ลูกสาวตนพบชายคนนี้ เป็นช่วงที่ตนไปออกช่วยค้นหาน้องชมพู่ ตอนนั้นตนยืนอยู่แถวบ้านน้องชมพู่ ซึ่งมีคนมาหาชมพู่มากแล้ว

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

ส่วนชายเสื้อส้ม ลักษณะคือเสื้อแขนสั้น ไม่ได้ใส่หมวก เป็นคนสูง ผิวดำแดง สะพายกระเป๋าสะพายข้าง 1 ใบ เท่าที่เห็นไม่แน่ใจว่าเป็นใคร และไม่รู้ว่าใครใส่เสื้อส้มค้นหาบ้าง เพราะตนไม่ทันได้สังเกตใคร ตอนนั้นมีคนหาเยอะจนกลับลงมาพักกินน้ำ แต่ที่ลูกสาวเห็นแปลกตรงที่คนที่หาน้องชมพู่ลงมาพักกันหมด มีเพียงคนเสื้อส้มที่วิ่งไปทางถังน้ำ ซึ่งผิดวิสัยของคนที่มาค้นหาเด็กหรือไม่

เวลาขณะนั้นไม่มั่นใจ แต่น่าจะเป็นช่วงเที่ยงไปจนถึงบ่ายโมง ตอนที่ลูกเห็นชายเสื้อส้ม ตนไม่ได้ยืนเห็นกับลูกด้วย ลูกสาวได้เดินหาน้องชมพู่แถว ๆ นั้นเช่นกัน จากนั้นจึงมาบอกตน ยอมรับว่าตอนได้ยินข่าวเรื่องที่ลูกสาวไปอยู่ตรงต้นจำปา ขณะนั้นตนก็แปลกใจ รู้สึกตลก เพราะลูกสาวไม่ได้เดินไปที่ต้นจำปา ช่วงเช้าเขายังอยู่ที่บ้านกับตน เนื่องจากชาวบ้านไปลือกันเอง

ชายเสื้อส้มตนคิดว่าอาจจะเป็นคนที่มาค้นหาก็ได้ หรืออาจจะเป็นคนต้องสงสัย เนื่องจากเขาแปลกที่วิ่ง เพราะคนส่วนใหญ่ที่มาหาน้องชมพู่ จะเดินและเรียกชื่อเด็กไปตามทาง หลังจากได้รับฟังเรื่องราวจากลูกสาว วันที่ 11 พ.ค.63 ตนและชาวบ้านก็พากันเดินไปที่ถังน้ำหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างไปเพียง 250 เมตร ตอนนั้นก็ไม่เจออะไร ไม่มีร่องรอยอะไร ตอนเช้าวันเดียวกันอย่างที่เคยบอกไป ตนได้ยินแค่เสียงหมาเห่าเท่านั้น โดยไม่ได้สังเกตว่ามีคนหรือไม่ เท่าที่เห็น คือ ไม่มีชายเสื้อส้ม ลูกสาวก็ไม่ได้เล่าอะไรหลังจากนั้น ตนก็ไม่รู้ชายเสื้อส้มเป็นใคร

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

จากข้อมูลของแก๊งจำปาว่าเห็นชายเสื้อส้มอยู่ที่แทงก์น้ำและมีความเชื่อว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนร้าย ทีมข่าวได้จำลองแขวนเสื้อส้มไว้กับไม้ โดยยืนอยู่บริเวณถังน้ำประปาหมู่บ้าน และให้กล้องตั้งอยู่บริเวณถนน ซอยหลังบ้านน้องชมพู่ ซึ่งห่างจากจุดที่ทีมข่าวยืนประมาณ 250 เมตร ซึ่งการถ่ายได้ตั้งกล้องในระดับสายตาของแก๊งจำปา ความสูงของกล้องประมาณ 140 เซนติเมตร

เมื่อทีมข่าวที่ถือเสื้อเริ่มวิ่ง ก็พบว่าสามารถมองเห็นจากจุดที่ช่างภาพยืนถ่ายอยู่ แต่เห็นในระยะไกลและมองไม่รู้ว่าเป็นใคร ซึ่งสภาพภูมิประเทศในปัจจุบันค่อนข้างแตกต่างจากวันที่น้องชมพู่หายไป เนื่องจากหญ้าเริ่มขึ้นรกสูง ต้นมันสำปะหลังเริ่มขึ้นสูง แตกต่างจากวันที่น้องชมพู่หาย เพราะวันเกิดเหตุเพิ่งเริ่มปลูกมันสำปะหลัง และพื้นดินยังโล่งเตียน และสามารถมองเห็นได้ง่ายกว่าในปัจจุบัน

นายไชย์พล วิภา ลุงของชมพู่ กล่าวว่า ตนคิดว่าคงไม่ได้มีผลอะไรหากแก๊งจำปาจะจำผิด หรือคลาดเคลื่อน แต่หากมองถึงพฤติกรรมของชายเสื้อส้ม การไปคนเดียวก็แปลก เพราะค้นหาจะมีคนอื่น ๆ ไปเป็นกลุ่มและเดินตะโกนหาน้องชมพู่ไปด้วย ตนยืนยันว่าไม่ใช่ตนแน่นอน เพราะตนก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ อีกอย่างตนไม่ได้สวมเสื้อส้ม

คลิป

อย่างไรก็ตาม หากมีความคืบหน้าอย่างไร ทีมงานจะรีบนำมาอัพเดททันที

ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34