คำพูดแม่น้องชมพู่ หลังสิระให้นั่งข้าง ปรับความเข้าใจกับลุงพล
จากกรณีครอบคดีน้องชมพู่ ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ก.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน นำโดยนายสิระ เจนจาคะ ประธาน กมธ. เดินทางลงพื้นที่ ตรวจสอบและดูพื้นที่จริงคดีน้องชมพู่ ที่หมู่บ้านกกกอก ตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งนายสิระ เเละคณะ เดินทางถึงวัดกกกอก เวลา 09.00 น. โดยมี พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4, พล.ต.ต.ภาณุ บูรณศิริ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4, นายบุญช่วย น้อยสันเที๊ยะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เเละหัวหน้าส่วนราชการ ให้การต้อนรับ
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34
นายสิระ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการเดินทางมาในครั้งนี้ เนื่องจากต้องการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งตำรวจ ชาวบ้าน รวมถึงครอบครัวน้องชมพู่ เเละสำคัญที่สุดคือน้องชมพู่ต้องได้รับความเป็นธรรม ส่วนกรณีบางเพจ มีการเผยเเพร่ภาพศพน้องชมพู่นั้น ตนไม่อยากเห็นการโหนกระเเสหาผลประโยชน์ ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีทางด้านทนายสิทรา เบี้ยบังเกิด ได้เเจ้งความดำเนินคดีไว้เเล้ว ส่วนฝ่ายกฎหมายของ กมธ.อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ว่าทำให้เสียหายต่อคดีหรือไม่ ซึ่งการวิเคราะห์สภาพศพ เป็นหน้าที่ของเเพทย์ ส่วนการสืบสวนสอบสวน เป็นหน้าที่ของตำรวจ
นายสิระ ยังกล่าวอีกว่า เมื่อสัปดาห์ที่เเล้ว ได้เชิญเเพทย์ที่ทำการชันสูตรศพน้องชมพู่ 2 คน เข้าพูดคุย ยังไม่มีข้อมูลขัดเเย้งกันเเต่อย่างใด นอกจากนี้ยังได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าพูดคุย ได้ข้อสรุปว่าต้องมีการทบทวนเเละการปฏิรูปหลายเรื่อง ทั้งกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ ที่จะต้องมีกฎหมายรองรับในการผ่าชันสูตรรอบ 3 ซึ่งวันนี้นอกจะมีการขึ้นไปยังจุดพบศพ หลังจากนั้นจะพูดคุยกับชาวบ้าน เพื่อรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้าน ว่าการทำงานของตำรวจเเละสื่อ มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ จากนั้นนายสิระ ได้ร่วมประชุมกับ กมธ. คณะทำงาน
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34
เเละหัวหน้าส่วนราชการ เพื่อทำความเข้าใจวัตถุประสงค์ของการลงพื้นที่ รวมถึงสภาพพื้นที่ของภูเหล็กไฟ ใช้เวลาประชุม 30 นาที ในเวลา 10.10 น. นายสิระ ได้เข้าไปหานายอนามัย และนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา พ่อแม่น้องชมพู่ เพื่อแสดงความเสียใจ เเละยืนยันจะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้ความเป็นธรรม ก่อนจะเดินขึ้นภูเหล็กไฟ โดยนางสาวิตรี แม่น้องชมพู่ ปฏิเสธไม่ร่วมขึ้นภูเหล็กไฟกับนายสิระ เเต่ขอรออยู่ด้านล่าง หลังจากนั้น เวลา 10.14 น. นายสิระ ได้เดินพร้อมกับ พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต.อรรคพงศ์ พิมลศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร พ.ต.อ.ชัชชัย วงค์สุนะ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร รวมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ ตำรวจชุดทำงาน ชาวบ้าน เดินขึ้นภูเหล็กไฟ
โดยลุงพลได้เดินขึ้นเขาด้วยในครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า นายสิระถามหา จึงมีการจูงมือลุงพลไปหานายสิระ โดยนายสิระระบุว่า จะให้ความเชื่อมั่นกับทุกฝ่าย ไม่ต้องมีความกังวลอะไร จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ลุงพลเองก็บอกว่าตอนนี้อุ่นใจมากขึ้น วันนี้ก็ตั้งใจอยากจะชวนนายสิระขึ้นเขาไปด้วย จากนั้นมีการมุ่งหน้าขึ้นภูเหล็กไฟ ระหว่างเดินไปตามทาง นายสิระ ได้มีการพูดคุยกับผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งระบุว่าการเดินขึ้นภูเหล็กไฟ เพื่อจะมาดูพื้นที่ หากคนมาเดินคงไม่มีการมาเดินคนเดียว จะผิดวิสัยของคนปกติทั่วไป
ระหว่างเดินขึ้น นายสิระ ยังระบุว่า อมรินทร์ทีวี อยากจะให้คุณพุทธไปชี้แจง เพื่อได้พูดคุยถึงการนำเสนอข่าว ว่ามีการเกิดประโยชน์ ส่งผลต่อคดี หรือทำให้มีปัญหา หรือละเมิดสิทธิ์ใครหรือไม่ รวมทั้งจะได้ทำความรู้จักกับ กมธ. ด้วย ระหว่างเดินขึ้นนายสิระ มีอาการเหนื่อยที่ชัดเจน มีการเดินพักไปเป็นระยะ ๆ โดยนายสิระมีการสอบถามกับ รองผู้การมุกดาหาร ว่าหากเด็กตกใจ จะเดินขึ้นหรือลงเขา ซึ่งรองผู้การระบุว่า จะตอบได้เองหากเดินไปถึงจุดพบศพ นายสิระ เดินมาถึงช่วงพักที่ 2 ได้ถอดเสื้อคลุมออก เนื่องจากอาการค่อนข้างร้อน จากนั้นเดินต่อไปเรื่อย ๆ พร้อมทั้งมีการชี้จุดต่าง ๆ ว่าเด็กจะก้าวข้ามได้อย่างไร มีจุดหนึ่งที่นั่งพัก
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34
ซึ่งนางนลิน หรือแม่ถอน เดินขึ้นมาด้วย มีการเทแป้งฝุ่น และปะแป้งให้นายสิระ เพื่อคลายร้อน นายสิระ ได้คุยเรื่องการใช้ชีวิตของชาวบ้าน ว่ามีการมาหาของป่าอะไรบ้าง ซึ่งนางนลิน ระบุว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็มาหาของป่าเป็นประจำ ช่วงเดือนมี.ค.-มิ.ย. จะหาผักหวาน ต่อด้วยดอกกระเจียว และเก็บเห็ด ซึ่งมีทั้งคนในพื้นที่และคนนอกพื้นที่ โดยนางนลินระบุว่า น้องชมพู่ขึ้นไม่ได้ แค่ขึ้นข้างล่างก็ไม่มีปัญญาขึ้นแล้ว น้องชมพู่จะเดินมาได้อย่างไร แค่เราก็จะตายแล้ว มีช่วงหนึ่งนายสิระนั่งพร้อมกับนายตำรวจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งระบุถึงหารเดินทางมา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานสะดวกมากยิ่งขึ้น ให้มีความมั่นใจในการทำงาน ตนมีหน้าที่ดุลอำนาจของการทำงานของฝ่ายตำรวจ และชาวบ้าน ซึ่งอยากให้ชาวบ้านเข้าใจว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่มีขั้นตอน หากมีการกล่าวหาใคร คน ๆ นั้นยังคงบริสุทธิ์
ตราบใดที่ยังไม่มีการตัดสิน หากมีการสั่งฟ้องผู้ต้องหาในคดีนี้ ตนเองและคณะกรรมมาธิการ พร้อมจะใช้ตำแหน่ง ส.ส. ในการยื่นประกันตัวผู้ต้องหา เพื่อออกมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ โดยชาวบ้านจะได้สบายใจ เพราะตนคิดว่าหากชาวบ้านสบายใจเรื่องนี้ ว่าจะไม่มีการจับแพะ หากวันหนึ่งชาวบ้านถูกจับ ยังมีคนที่คอยให้ประกันตัวให้ ตนคิดว่าผู้ต้องหาที่สู้คดียังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะสิ้นสุดในชั้นศาลฎีกา จากนั้นนายสิระ ได้เดินไปยังจุดที่พบแบ็กโฮ ซึ่งระบุว่ารถของเล่น ถูกเก็บไปวันที่ 17 พ.ค.63
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34
โดยการสร้างหลักฐานของคนร้าย เจ้าหน้าที่ก็ระบุว่าขณะนี้ยังตอบไม่ได้อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบ ซึ่งยังไม่ตัดประเด็นว่าเด็กเอามาด้วย คนร้ายนำมา หรือเป็นการจัดฉาก โดยการตรวจดีเอ็นเอ บนรถแบ็กโฮ เจอเพียงดีเอ็นเอของน้องชมพู่ เพราะการที่รถถูกแดด ถูกทิ้งไว้ ดีเอ็นเอก็สลายไป ไม่เจอดีเอ็นเอของผู้อื่น จากนั้นนายสิระ ได้เดินไปยังจุดพบรองเท้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่ามีชาวบ้านต่างพื้นที่ ขึ้นมาหาผักหวานบนภูเหล็กไฟ เเล้วเจอโดยบังเอิญ เเต่ขณะนั้นชาวบ้านรายดังกล่าวยังไม่ทราบว่ามีเด็กหาย จนกระทั่งลงจากภูเหล็กไฟ จึงได้บอกกับชาวบ้านที่ค้นหาว่าพบรองเท้า ชาวบ้านจึงขึ้นมาดูเเล้วพบศพดังกล่าว
นายสิระ เดินไปยังจุดที่พบกางเกง ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าลักษณะการวางดูเเปลก ๆ เพราะกางเกงอยู่ใต้พงหญ้า เหมือนถูกซุกซ่อน ซึ่งหากเด็กถอดเเล้วโยนเอง กางเกงคงอยู่บนหญ้า เเต่ผลการตรวจดีเอ็นเอกางเกง พบเพียงดีเอ็นเอของน้องชมพู่เท่านั้น
นายสิระ ได้เดินต่อไปยังจุดพบศพ ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่า จากการตรวจสอบศพของน้องชมพู่ พบว่ามีเส้นผมบางส่วนถูกตัดออกไป ซึ่งตำรวจพยายามสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ ว่ามีพิธีไสยศาสตร์ที่ใช้เส้นผมเด็กบ้างหรือไม่ เเต่ปรากฎว่าในพื้นที่ไม่มีความเชื่อหรือพิธีดังกล่าว ส่วนเรื่องสภาพศพเริ่มเน่าเเละส่งกลิ่น เเต่กลิ่นไม่เเรง เนื่องจากเด็กตัวเล็ก ไขมันน้อย จึงเเห้งเร็ว เเละกลิ่นไม่เเรง ส่วนปัญหาที่พบคืออวัยวะภายในเริ่มเน่า ทำให้ยากต่อการชันสูตร
นายสิระให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ที่จุดพบศพ เปรียบเทียบกับตนเอง หากตกใจหรือลงทาง คงจะหาทางลง จะไม่เดินขึ้นไปเรื่อย ๆ เด็ดขาด ซึ่งหากถามว่าเชื่อหรือไม่ว่าเด็กเดินขึ้นเอง ตนไม่ขอฟันธงเรื่องนี้ เพราะจะเป็นการกดดันชุดทำงาน
เเต่ยอมรับว่าอุปสรรคต่าง ๆ ที่เจอระหว่างทาง ทั้งกิ่งไม้ โขดหิน เเละสภาพพื้นที่ที่ลาดชัน ยากที่เด็กจะเดินขึ้นเองได้ อีกทั้งจากการขึ้นมาสำรวจยังพบว่าการทำงานของตำรวจมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องตรวจสอบดีเอ็นเอของชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน เพื่อที่จะคัดกรองว่าใครเกี่ยวข้องหรือไม่
นายสิระยังกล่าวถึงอดีตนายตำรวจ ที่ออกมาวิเคราะห์คดีนี้ ว่าอย่าวิพากษ์วิจารย์โดยยังไม่ได้ลงมาสัมผัสพื้นที่ เเละไม่ได้อยู่ในอำนาจที่ "ท่านทำการสืบสวนสอบสวนอยู่บนโต๊ะ นั่งเทียน เจอเเพะกี่คน เจอคดีวิสามัญมาเเล้วกี่คน
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34
นายสิระ ยังฝากยังบุคคลรายหนึ่งที่ทำเป็นรู้ดี มีการออกมาไลฟ์สดเฟซบุ๊ก ทั้งที่ไม่เคยมาดูที่เกิดเหตุ และมีการนำภาพศพของน้องชมพู่มาเผยแพร่ว่า ไม่ได้ให้ค่ากับคนแบบนั้น และหากไม่เคยลงมาดูพื้นที่ก็อย่าไปนั่งเทียนสร้างเรื่องให้คนอื่นเกิดความสับสน
อย่างไรก็ตาม นายสิระเเละคณะ เดินขึ้นภูเหล็กไฟ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 59 นาที มีการพักถึง 9 ครั้ง โดยเริ่มเดินขึ้นภูเหล็กไฟ เวลา 10.14 น. และเวลา 12.00 น. หยุดดูจุดพบรองเท้า เวลา 12.05 น. ดูจุดพบกางเกง เวลา 12.13 น. นายสิระเเละคณะ ถึงจุดพบศพ ในเวลา 14.34 น. หลังจากลงเขา นายสิระ เจนจาคะ เเละคณะได้เดินทางไปที่วัดกกกอก เพื่อพูดคุยกับชาวบ้าน โดยมีพ่อเเม่น้องชมพู่ ตา-ยาย ลุงพล เเละชาวบ้านกกกอก ประมาณ 100 คน เข้าร่วมด้วย ซึ่งก่อนการพูดคุย มีพิธีบายศรีสู่ขวัญหมู่บ้าน
เเละมีการผูกข้อไม้ข้อมือกัน ระหว่างชาวบ้าน กับ กมธ. โดยระหว่างนี้ นายสิระได้ให้เเม่น้องชมพู่ กับลุงพล นั่งข้างกัน เพื่อหวังจะให้ปรับความเข้าใจเเละผูกข้อไม้ข้อมือกัน เเต่เเม่ชมพู่ปฏิเสธ โดยบอกว่ารอให้จับคนร้ายตัวจริงได้เสียก่อน จึงจะยอมผูกข้อไม้ข้อมือด้วย เเต่ระหว่างนี้ก็ต่างคนต่างใช้ชีวิตไปก่อน หากมีข้อข้องใจขอพูดกันเอง ไม่ขอพูดผ่านสื่อ เชื่อว่าตากับยายจะเป็นสื่อกลางได้
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34
ทางด้านลุงพลกล่าวว่า หากการพูดคุย หรือผูกข้อไม้ข้อมือ เป็นการฝืนความรู้สึกเเม่น้องชมพู่ ก็คงต้องรอให้เขาพร้อมเสียก่อน ส่วนตัวพร้อมตอบทุกประเด็นที่สงสัย ซึ่งรอให้ทุกอย่างคลี่คลายเสียก่อน เชื่อว่าเวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ซึ่งนายสิระได้ให้นามบัตรกับเเม่เเละลุงพล ว่าหากมีเรื่องไม่สบายใจ ที่ยังไม่พร้อมพูดผ่านสื่อ ก็โทรหาได้
จากนั้นนายสิระ ได้สอบถามชาวบ้านกกอก อาทิ นายอนามัย และนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา พ่อแม่น้องชมพู่ และนายไชย์พล วิภา ลุงน้องชมพู่ ถึงประเด็นการทำงานของตำรวจ และสื่อมวลชนว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่
นายไชย์พล วิภา ลุงของน้องชมพู่ ร้องเรียนว่าไม่สบายใจต่อการทำงานของตำรวจ ว่าอยู่ในกรอบของกฎหมายหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้เคยถูกตำรวจเข้ามาตรวจค้นบ้านและรถกระบะโดยไม่มีหมายค้น นอกจากนี้ ตำรวจยังเคยพาตนไปถ่ายรูปด้านหน้า-หลัง ทั้งแบบเต็มตัวและครึ่งตัว ซึ่งจนถึงวันนี้ยังไม่ทราบว่าจะนำรูปไปทำอะไร
อย่างไรก็ตาม นายสิระ ยืนยันจะนำเรื่องร้องเรียนทั้งหมดไปหารือภายในคณะกรรมาธิการและตรวจสอบ ให้เกิดความสบายใจ ก่อนจะเดินทางกลับพร้อมคณะ ในเวลา 15.30 น.
นางสาวิตรี เเม่น้องชมพู่ บอกว่าขณะนี้ถูกสื่อบางช่องรุกล้ำความเป็นส่วนตัว โดยมีการถ่ายภาพไปทั้งที่ครอบครัวไม่อนุญาต มิหนำซ้ำยังแอบเข้าไปสัมภาษณ์น้องสะดิ้ง ลูกสาวคนโตถึงโรงเรียน จากนี้ต้องการให้สื่อช่องดังกล่าวออกจากพื้นที่
ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34