เปิดพิรุธศพชมพู่เลือดตกขา ศพถูกหญ้าบาด คาดถูกอุ้มตอนใกล้หมดลม

เปิดพิรุธศพชมพู่เลือดตกขา ศพถูกหญ้าบาด คาดถูกอุ้มตอนใกล้หมดลม

สังคมยังให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก อยากเห็นหน้าคนร้าย ที่กระทำการได้อย่างแนบเนียนและไม่ทิ้งหลักฐานใดๆไว้เลย จนเป็นเหตุให้คดีนี้ยืดยาวมากว่า 2 เดือน คดีนี้จะจบอย่างไร หรือจะจบลงด้วยเหตุผลที่เด็กเดินไปตายเอง ตามที่มีการตั้งข้อสันนิษฐาน แต่ก็ยากที่จะเชื่อเพราะเขาสูงชันและระยะทางหลายกิโลเด็กจะเดินขึ้นไปเองได้จริงหรือ

และความคืบหน้าล่าสุด จากกรณีน้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก หมู่ 2 บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง โดยหายไปตั้งแต่ 11 พ.ค.63 ซึ่งครอบครัวเร่งออกค้นหาจนมึดค่ำ จนกระทั่งพบศพน้องอยู่กลางป่าในภูเหล็กไฟ วันที่ 14 พ.ค. 63 แต่ยังไม่สามารถจับคุมคนร้ายที่คาดว่าก่อเหตุได้ อีกทั้งมีบาดแผลที่สังคมตั้งข้อสงสัยนั้น

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

วันที่ 18 ก.ค. 63 จากข้อสงสัยศพของน้องชมพู่ที่มีรูบริเวณสะโพก รวมถึงรอยขีดข่วนต่าง ๆ ที่ร่างกายนั้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยชุดที่เก็บกู้ศพน้องชมพู่ คือ นายพรศักดิ์ พุฒิวรพันธ์ และนายปรียพัช กลิ่นชมแสง เป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลมุกดาหาร เปิดเผยว่า ตนได้รับแจ้งในวันที่ 14 พ.ค.63 เวลา 19.00 น. ว่าพบศพน้องชมพู่ ตนเองพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ รวม 4 คน จึงเดินทางไปยังหมู่บ้านกกกอก ขึ้นภูเหล็กไฟ เวลา 23.30 น.

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

และถึงจุดพบศพ เวลา 00.30 น. พบเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจ และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูผายล ก่อนจะนำศพลงจากภูเหล็กไฟ เวลา 01.00 น. โดยการแบกศพใส่ที่บ่า ใช้เวลาลงจากภูเหล็กไฟ 30 นาที แล้วนำศพส่งโรงพยาบาลดงหลวง

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

นายพรศักดิ์ กล่าวถึงสภาพศพว่าอยู่ในสภาพเปลือย เริ่มเน่าและส่งกลิ่น โดยกลิ่นโชยออกมาจากบริเวณปากของศพ ซึ่งในปากมีหนอนแมลงวันเป็นจำนวนมาก คาดว่าเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 2 วัน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเสียชีวิตเพราะอะไร นอกจากนี้ ยังมีรอยขีดข่วนทั่วร่างกาย คาดว่าเป็นรอยหญ้าหรือกิ่งไม้ขีดข่วนระหว่างเดิน แต่ไม่พบบาดแผลฉกรรจ์ มีเพียงรูบุบที่สะโพก คล้ายรอยกดทับ แต่รูดังกล่าวไม่ได้ทะลุผิวหนัง

ส่วนรอยแผลพุพองบริเวณเท้า เกิดจากความร้อน เกิดขึ้นได้ 2 กรณี กรณีแรกคือเด็กอาจเดินจนเท้าพอง หรือกรณีที่ 2 การพุพองดังกล่าว สามารถเกิดขึ้นหลังจากเสียชีวิต ถ้าหากสภาพอากาศร้อน หรือแดดจัด ผิวหนังศพก็อาจเกิดการพุพองได้ ดังนั้นจึงไม่ขอฟันธง ว่าเกิดจากอะไร ส่วนอุปสรรคในการขึ้นไปเก็บศพ คือเส้นทางที่ลาดชัน มีโขดหินสูง ยากลำบากต่อการเดิน และไม่เชื่อว่าเด็ก 3 ขวบ จะเดินขึ้นได้เอง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้สาธิตการเคลื่อนย้ายศพ โดยใช้ตุ๊กตาแทนศพน้องชมพู่ เริ่มจากใช้ผ้าขาวขนาดกว้าง 1.2 เมตร ยาว 2 เมตร ปูที่พื้น เเล้วพลิกตะแคงศพใส่ผ้า ทำการห่อแล้วพับให้พอดีขนาดตัวศพ จากนั้น นำศพที่ห่อด้วยผ้า ใส่ถุงซิปล็อกพับให้พอดีขนาดตัวศพ ใช้เชือก 3 เส้น มัดถุงบริเวณขา ลำตัว หัวไหล่ คล้ายแหนม แล้วเเบกลงด้านล่าง

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

นายสมบัติ อวนวัง ผู้พบศพน้องชมพู่เป็นคนเเรก เปิดเผยว่า สภาพศพน้องชมพู่ตอนที่เจอศพ เห็นน้องชมพู่อยู่ในสภาพเปลือย ส่วนในเรื่องบาดเเผล ตนเองเห็นไม่ชัด เพราะเมื่อเห็นศพก็รีบถอยออกทันที เพราะเจ้าหน้าที่กันพื้นที่ ประกอบกับขณะนั้นบรรยากาศค่อนข้างมืด ตนเองสังเกตเห็นรอยขีดข่วนตามร่างกาย ซึ่งรอยดังกล่าวคาดว่าเป็นรอยจากตอหญ้าหรือกิ่งไม้ เพราะก่อนที่จะเกิดเรื่อง 1 เดือน ภูเหล็กไฟเพิ่งเกิดไฟป่า ตอไม้หรือตอหญ้าที่อยู่บนภู เมื่อถูกไฟไหม้จะแหลมคม เป็นไปได้ว่าเมื่อน้องชมพู่เดินผ่าน อาจจะถูกตอหญ้าเหล่านั้นบาดหรือทิ่มเเทงได้ ส่วนรอยพุพองบริเวณเท้ามีจริงหรือไม่ ตนเองไม่แน่ใจ เพราะได้มองช่วงเท้า ตนเองไม่มั่นใจ 50% ว่าน้องอาจจะเดินไปเอง แต่ตอนนี้ก็ยังยังไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงถึงคนร้าย

นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่ ให้ข้อมูลกรณีที่มีการตั้งข้อสงสัย มีการตั้งข้อสงสัย น้องชมพู่ตายก่อนแล้วโดนอุ้ม ทำให้ขาห้อยลงจนเกิดเป็นเลือดตกเท้านั้น ซึ่งรอยเขียวช้ำหลังตาย หรือ รอยจ้ำโลหิตตกสู่ที่ต่ำ (postmortem lividity) เกิดจากเม็ดเลือดแดงไม่ได้ลอยในหลอดเลือด แล้วตกลงสู่ที่ต่ำ เกิดจากการที่หัวใจหยุดเต้น

รอยดังกล่าวเกิดได้ตั้งแต่หลังจากการตาย 1-2 ชั่วโมงเป็นต้นไป และจะเห็นชัดได้ภายใน 12 ชั่วโมง และรอยจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ ถ้าเด็กถูกอุ้มจับร่างพาดบ่า รอยก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่ถ้ามีการบีบรัดที่ข้อเท้าแล้วโดนลากร่างไปนั้น ก็จะเกิดรอยช้ำม่วงที่ข้อเท้าได้เช่นกัน โดยรอยนั้นเกิดการตกตะกอนในต่ำสุดของร่างกาย

ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ