2 มือปราบ เผยเหตุผลคดี น้องชมพู่ ที่ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้

2 มือปราบ เผยเหตุผลคดี น้องชมพู่ ที่ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้

จากกรณีน้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 จนไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. กระทั่งผลชันสูตรจาก รพ.ตำรวจ พบบาดเเผลที่อวัยวะเพศ ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอแฝง นอกจากนี้ยังมีหมอธรรมและพระป่าออกมาทำนายจุดซ่อนเสื้อ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญ โดยผ่านมา 27 วันแล้วแต่ก็ยังหาไม่พบ ล่าสุดวันที่ 7 มิ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี จึงเดินทางไปพบกับ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าของฉายามือปราบหูดำ เพื่อสอบถามความคิดเห็นในประเด็นนี้

พล.ต.ต.วิชัย ระบุว่า คดีฆาตกรรมน้องชมพู่นั้น ไม่น่ามีความซับซ้อนเกินความสามารถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดังนั้นการที่ตำรวจยังไม่สามารถจับคนร้ายได้นั้น ถือว่าเป็นการใช้เวลาที่นานพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถมองได้ว่า คนร้ายกระทำความผิดโดยไม่มีทิ้งพยานหลักฐานไว้ให้สาวถึงตัว หรือทิ้งพยานหลักฐานไว้น้อย ทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้ยากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าหน้าที่ก็ยังคงต้องปฏิบัติงานต่อไป เพื่อจับตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุด

น้องชมพู่

ส่วนที่เจ้าหน้าที่ยังคงเจอหลักฐานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พล.ต.ต.วิชัย มองว่า การเจอหลักฐานใหม่ ๆ เป็นสิ่งที่ดี แต่ถือเป็นความบกพร่องในการปฏิบัติงานที่ที่ไม่ปิดล้อมพื้นที่ และไม่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุให้ละเอียดมากพอตั้งแต่วันแรก ลักษณะภูมิประเทศที่เกิดเหตุที่เป็นภูเขา ไม่ใช่ข้ออ้างในการไม่ปิดล้อมพื้นที่เพื่อหาหลักฐาน โดยหลักฐานที่ได้มาใหม่จะส่งผลทำให้ประเด็นการสอบสวนแตกแยกออกไป เช่น 1.การเจอชุดลายพราง ทำให้ประเด็นแตกออกเป็น คนร้าย เป็นทหาร หรือคนร้ายเป็นชาวบ้าน 2.การเจอแหวน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องไปตรวจสอบอีกว่าใครเป็นเจ้าของ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดอาจจะทำให้ประชาชนหมดความเชื่อถือในการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.วิชัย ยังคงยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่ควรตัดคนใกล้ตัวของน้องชมพู่ออกจากผู้ต้องสงสัย แม้ว่าจะมีการตรวจสอบแล้วก็ตาม เนื่องจากการที่เจ้าหน้าที่ระบุตัวคนร้ายได้ช้า อาจจะทำให้คนร้ายไหวตัวและใช้ช่องโหว่ทำให้ตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ เช่น สร้างหลักฐานเท็จ ทำให้เจ้าหน้าที่สับสน

พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช ฉายาสารวัตรแรมโบ้ อดีตผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ และอดีตสารวัตรกองปราบนครบาล เปิดเผยว่า คดีในส่วนของน้องชมพู่ประจักษ์พยานหลักฐานยังไม่ชัดเจน ซึ่งคนร้ายน่าอยู่ในกลุ่มของชาวบ้านในละแวกที่มีพฤติการณ์อุ้มน้องชมพู่ออกไป แต่สำคัญที่ไม่มีกล้องวงจรปิด และได้กระทำการมิดีมิร้ายกับน้องชมพู่ ซึ่งพยานหลักฐานตนสันนิฐานว่า ยังอยู่ในที่เกิดเหตุ เพียงแต่ยังไม่ปรากฏเท่านั้น โอกาสก็ 50%

ขอให้จับคนร้ายที่ทำร้ายน้องชมพู่ให้ได้โดยเร็ว และแสดงความเสียใจกับครอบครัวด้วยนะคะ

ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว

เรียบเรียง mumkhao

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ