จากกรณีที่มีเรื่องราวหญิงสาวรายหนึ่งที่เพิ่งแต่งงานได้ 1 เดือน ถูกสามีหนีไปแอบคบกับสาวใหญ่อายุห่างเกือบ 20 ปี ทั้งที่แฟนตัวเองมีน้อง ส่วนสาวใหญ่ก็ไม่สนใจ แม้รู้ว่าฝ่ายชายมีครอบครัวแล้ว ล่าสุด นางสาวนภัสสร วัย 27 ปี หญิงสาวที่โพสต์เรื่อง กล่าวว่า ตนคบกับนายบรีส วัย 23 ปี ประมาณกลางปี 2562 ต่อมาช่วงเดือนธันวาคม ตนจึงมีน้อง และกำหนดฤกษ์แต่งงานกันวันที่ 6 มีนาคม 2563 ที่บ้านเกิด จ.หนองคาย

ภาพจาก รายการ ทุบโต๊ะข่าว

ต่อมา ประมาณเดือนมกราคม 2563 ซึ่งเป็นช่วงก่อนแต่งงาน ตนก็ทราบระแคะระคายขึ้นมาว่า แฟนหนุ่มแอบไปมีความสัมพันธ์กับหญิงสาวอายุเกือบ 40 ปี ซึ่งทำงานอยู่บริษัทเดียวกันใน จ.ระยอง พอสอบถามแฟนหนุ่ม อีกฝ่ายก็ปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้ติดต่อกันแล้ว และหลังจากนั้นงานแต่งก็จัดไปได้ด้วยดีไม่มีปัญหาอะไร

ภาพจาก ทุบโตีะข่าว

ด้วยความที่เราสองคนทำงานกันคนละจังหวัด ตนทำงานที่ จ.ชลบุรี ส่วนสามีทำงานที่ จ.ระยอง ทำให้ต้องแยกกันอยู่ และกำลังหาหอพักที่อาศัยอยู่ด้วยกันให้ได้ กระทั่งวันที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา ตนสังเกตในเฟซบุ๊กแฟนหนุ่ม เห็นผ้าปูที่นอนสีเขียว ซึ่งเป็นสีที่ไม่เคยเห็นมาก่อน บ้านของแฟนหนุ่มที่อาศัยอยู่กับแม่ก็ไม่มีสีนี้ พอไปส่องเฟซบุ๊กของสาวคนนั้น ก็พบว่าเป็นสีเขียวเหมือนกัน

จากนั้น ตนถามแฟนหนุ่มว่าจะทำอะไรเคยคิดถึงบุตรบ้างไหม แฟนหนุ่มก็บอกสั้น ๆ ว่าก็คิดอยู่ พอตนส่งรูปที่นอนสีเขียวไปให้ดูเพื่อเป็นหลักฐาน แฟนหนุ่มก็เงียบและปิดเฟซบุ๊ก ติดต่อไม่ได้ พอไปติดต่อสาวใหญ่คนนั้นก็ปิดเฟซบุ๊กอีกเช่นกัน

ตนยอมรับว่าหากตนโตเรื่อย ๆ ตนจะอยู่อย่างไร แต่พอคิดได้ว่าหากผู้ชายเป็นแบบนี้ ต่อให้เอากลับมาก็เป็นเหมือนเดิม ทั้งคู่ทำงานที่เดียวกัน คงไม่สามารถไปทำอะไรได้ หากกลับมาก็ระแวงอีก ฉะนั้นการถอยคงดีที่สุด ตอนนี้ตนเกลียดผู้ชายมากกว่าที่จะมอบความรักให้แล้วมาทำเรื่องแบบนี้อีก

สุดท้าย ตนก็ไม่อยากฝากอะไรถึงผู้หญิงคนนั้น เพราะคิดว่าคงไม่มีความสำนึก หากคิดได้จริงคงไม่สอดมือเข้ามา ทั้งที่เขามีแฟนอยู่แล้ว อีกทั้งอายุอีกฝ่ายก็จะ 40 ก็ควรคิดได้ ทางผู้ชายก็ควรคิดได้ว่าตัวเองเป็นพ่อคนแล้ว อยากจะฝากถึงผู้หญิงทุกคนที่ประสบชะตากรรมเดียวกันให้เข้มแข็ง

แฟนเลิกกันไปก็เป็นคนอื่นต้องเลี้ยงเขาให้ดีที่สุด นางสาวนภัสสร กล่าว

ภาพจาก ทุบโตีะข่าว

ด้าน นางแตง นามสมมติ วัย 50 ปี แม่ของนายบรีส กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบข่าวว่าลูกชายไปคบกับหญิงอื่นในวันที่ลูกสะใภ้ตนโทรศัพท์มาบอก ดังนั้น ตนจึงโทรศัพท์และไลน์ไปหาลูกชาย แต่ก็ไม่มีการตอบกลับมา และไม่ได้กลับบ้านตั้งแต่เกิดเรื่อง

ภาพจาก ทุบโตีะข่าว

อย่างไรก็ดี ตนจะไม่ทอดทิ้งลูกสะใภ้ หากมีอะไรโทรศัพท์หาตนได้ตลอด ซึ่งตนยอมรับว่าเครียด กลางคืนนอนไม่หลับ เพราะสงสารลูกสะใภ้ที่ท้องแล้วอยู่ตัวคนเดียว ความรู้สึกคืออยากให้ลูกชายกลับมาดูแลเมีย และอยากจะทิ้งท้ายบอกลูกชายว่า ตอนนี้ยังไม่สายหากลูกจะกลับมาหาเมียเช่นเดิม และขอให้ผู้หญิงคนใหม่ของลูกปล่อยลูกชายด้วย ควรไปหาผู้ชายคนใหม่ที่ไม่มีครอบครัวจะดีกว่านี้

ขอบคุณที่มาจาก รายการ ทุบโตีะข่าว

เรียบเรียงโดย mumkhao