ลงทะเบียนรับเงิน 15000
จากการที่รัฐบาลประกาศมาตรการช่าวยเหลือ ผลกระทบจาก CO VID พบว่ามีแรงงานตกงานจากสถานการณ์นี้จำนวนมาก โดยมาตรการสำคัญจะมีการแจกเงินช่วยเหลือรายละ 5000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน เมย ถึง มิย 2563 รวมทั้งหมดเป็นเงิน 15000 บาท ให้แก่ แรงงานลูกจ้าง ลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม มาตรา 39 หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดประกอบ และไม่ใช่ผู้ได้รับการเยียวยาจากมาตรการอื่นๆ เช่น ข้าราชการ เกษตรกร
มาตรการช่วยเหลือบุคคลที่ไม่มีประกันสังคม
ภาพประกอบข่าวเท่านั้น
ยกตัวอย่างคุณสมบัติผู้ที่จะได้รับเงิน
วินมอไซค์
รับจ้างทั่วไป
พ่อค้า แม่ค้า
บุคคลว่างงาน
ผู้มีบัตรคนจนก็สามารถลงได้
ผู้ประกันตนมาตรา 39 40
บุคลที่ไม่มีสิทธ์ได้รับเงิน
เป็นเกษตรกรขึ้นทะเบียนแล้ว
ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่จ่ายประกันสังคมเกิน 6 เดือนไปแล้ว ยกเว้นผู้ประกันตนที่จ่ายไม่ครบ 6 เดือน
สำหรับขั้นตอนวิธีการรับลงทะเบียน
1 เตรียมเอกสารสำหรับลงทะเบียน คือ หมายเลขบัตรประชาชน ข้อมูลบริษัทนายจ้าง ข้อมูลปัญหาความเดือดร้อน และข้อมูลบัญชีพร้อมเพย์ หรือ บัญชีธนาคาร
2 ลงทะเบียนออนไลน์ ตรวจคุณสมบัติผ่านเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com คาดเปิดให้ลงทะเบียนวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม 63 เวลา 08จุด00 น และไม่มีกำหนดปิด ไม่จำกัดจำนวนคน
3 เงินช่วยเหลือจะถูกโอนเข้าบัญชีธนาคาร ภายใน 5 วัน หลังการลงทะเบียนเสร็จสมบูรณ์
ส่วนมาตรการช่วยเหลืออื่นๆยังจะมีออกมาอีก เพื่อที่คนทุกกลุ่มจะได้รับความช่วยเหลือเท่าเทียมกันทุกคนที่ได้รับผลกระทบ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 มีนาคม เพจ ศ ดร นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า สำหรับมาตรการช่วยเหลือเยียวย าลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการจากปัญหาการแพร่ระบาดของ CO VID ซึ่งกระทรวงการคลังได้ออกมาตรการชดเชยรายได้ 5000 บาทต่อคนต่อเดือน ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน เมย ถึงมิย 63 ที่จะครอบคลุมกลุ่มแรงงาน ลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม รวมถึงผู้ส่งเงินประกันสังคมตามมาตรา 40 โดยมีหลักเกณฑ์และขั้นตอนการลงทะเบียนเพื่อรับเงิน ผ่านเว็บไซต์ เราไม่ทิ้งกัน เปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 28 มีค 63
ตั้งแต่เวลา 18จุด00 น ตลอด 24 ชั่วโมง ขอให้ผู้ที่ลงทะเบียน ใช้โทรศัพท์มือถือที่สามารถติดต่อสื่อสารได้ เพื่อระบบจะได้แจ้งผลการลงทะเบียนและสิทธิตามมาตรการให้แก่ท่านผ่านทางข้อความ SMS ได้ ในส่วนของการรับเงินเยียวยา จะสามารถรับได้ผ่าน 2 ช่องทาง คือบัญชีธนาคารที่ชื่อและนามสกุลเจ้าของบัญชีตรงกับชื่อและนามสกุลที่นำมาลงทะเบียน หรือพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน
โพสต์ดังกล่าว
ภาพจาก ศดร นฤมล ภิญโญสินวัฒน์
ทั้งนี้หากผู้ลงทะเบียนและผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติมีจำนวนมากกว่า 3 ล้านคน กระทรวงการคลังจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมต่อไป สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนออนไลน์ได้ที่ Call Center ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หมายเลขโทรศัพท์ 02 111 1144
โพสต์ดังกล่าว
อย่างไรก็ดีไม่มีการปิดลงทะเบียน สามารถลงได้เรื่อยๆ ขอให้ได้กันทุกคนครับ
ขอบคุณ ศดร นฤมล ภิญโญสินวัฒน์
เรียบเรียง มุมข่าว