พ่อแม่คาใจ ลูกชายถูกรถชนดับ หลังครูขี่ จยย.ไล่จับ เพราะโดดเรียน
เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่วัดดงงู อ. อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นที่ตั้งศพของ"น้องนะโม" และได้พบกับ นายพงษ์เทพ อายุ 42 ปีซึ่งเป็นบิดา ซึ่งได้บอกเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าในช่วงบ่ายวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมาตนเองได้รับโทรศัพท์ จากครูที่ปรึกษา ว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุถูกรถชนและให้รีบดินทางไปยังโรงพยาบาลวัฒนานคร แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าลูกชายไม่รู้สึกตัวแล้ว แต่ยังคงมีชีพจรอยู่
เมื่อสอบถามไปยังเพื่อนลูกชายก็ทราบว่าลูกชายและเพื่อนประมาณ 5-6 คนได้ถูกครูขี่รถจักรยานยนต์ไล่จับจนต้องพากันกระโดดหนีออกจากกำแพงโรงเรียน และครูคนดังกล่าวยังได้ขี่รถจักรยานยนต์ไล่ไปตามถนน กระทั่งลูกชายได้วิ่งหนีข้ามถนนจนถูกรถชนเสียชีวิต และหลังเกิดเหตุครูคนดังกล่าวได้ยืนดูลูกชายก่อนจะขี่รถกลับเข้าโรงเรียน โดยไม่ให้การช่วยเหลือและยังปล่อยให้นอนนิ่งอยู่กลางถนน
ส่วนคนที่ขับรถชนน้องคือ คุณหมอและได้ลงมาจากรถมาช่วยปั๊มหัวใจ โดยที่ไม่มีใครคิดจะโทรศัพท์แจ้งกู้ภัยหรือโรงพยาบาล ทั้งที่โรงพยาบาลกับโรงเรียนห่างกันไม่ถึง 100 เมตร แต่กลับปล่อยให้ลูกชายนอนอยู่ในที่เกิดเหตุนานเกือบ 30 นาที ซึ่งหากมีการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีก็เชื่อว่าลูกชาย อาจไม่ถึงแก่ชีวิต ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทั้งตัวเองและญาติรู้สึกติดใจกับการกระทำของครูคนดังกล่าว”
นายพงษ์เทพ ยังบอกอีกว่าหลังจากนี้จะได้แจ้งความเอาผิดทางกฎหมายกับครูอย่างแน่นอน เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงวันที่ตั้งสวดอภิธรรม ครูคนดังกล่าวก็ไม่เคยติดต่อเพื่อแสดงความรับผิดชอบ หรือกล่าวคำขโทษแต่อย่างใด
ด้าน นายพัสกร หรือเฟิร์ส และนายกฤษฎา หรือเฟรม เพื่อนของผู้เสียชีวิตซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่าวันเกิดเหตุผู้เสียชีวิตลืมนำเครื่องมือที่จะต้องใช้ในการเรียนวิชาไฟฟ้ามากจากบ้านจึงไม่ได้เข้าเรียนตามปกติ บรรดาเพื่อนและน้องนะโม ผู้เสียชีวิตรวมประมาณ 5-6 คนจึงพากันไปนั่งเล่นบริเวณมุมตึก กระทั่งครูได้ขี่รถจักรยานยนต์มาไล่ทำให้ทั้งหมดพากันตกใจวิ่งหนีกระโดดข้ามกำแพงออกไปนอกรั้วโรงเรียน แต่ครูยังขี่รถไล่ตามไม่หยุด จึงทำให้"น้องนะโม"วิ่งหนีข้ามถนนจนถูกรถชนต่อหน้าเพื่อนๆ
และหลังเกิดเหตุครูก็ยังขี่รถไล่ตามไม่หยุดโดยไม่ยอมให้พวกตนได้เข้าไปดูเพื่อนที่นอนบาดเจ็บอยู่กลางถนน จนสุดท้ายต้องพาวิ่งหนีเข้าไปในซอยเพื่อหลบในป่าข้างทาง ซึ่งตนเอง ก็รู้สึกเสียใจ ที่ไม่สามารถช่วยเพื่อน
ขณะที่ น.ส.ยุพิน แม่ของน้องนะโม บอกว่าตนเองและสามีรวมถึงญาติทุกคนต่างรู้สึกคาใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและอยากฟังคำอธิบายจากครู โดยยืนยันว่าจะทวงความยุติธรรมให้ลูกชาย
ส่วนร่างกายของลูกชายหลังได้รับการยืนยันจากแพทย์ว่าไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้แล้ว ตนเองและครอบครัวจึงตัดสินใจที่จะมอบอวัยวะให้กับผู้อื่นเพื่อช่วยต่อลมหายใจ
แต่เนื่องจากว่าอวัยวะในร่างกายของน้องเสียหายทั้งหมด จึงเหลือเพียงดวงตา2 ข้างที่สามารถส่งต่อให้กับผู้ที่รอรับบริจาคได้ถึง 2 คน จึงขอให้ผลบุญนี้ส่งต่อไปยัง น้องนะโม ต่อไป” แม่ของผู้เสียชีวิตกล่าว