วันที่ 24 ตุลาคม สภ.เฉลิมพระเกียรติ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้าน หมู่ 7 ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จึงประสานรถดับเพลิงพื้นที่ใกล้เคียงให้มาระงับเหตุ

ที่เกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้บ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ รถดับเพลิงทำงานด้วยความยากลำบาก เนื่องจากรถเข้าไปไม่ถึงจุดเกิดเหตุ ประกอบกับบ้านเป็นไม้ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงสามารถคุมเพลิงได้ ตรวจสอบพบว่าตัวบ้านและทรัพย์สินภายในบ้านเสียหายทั้งหลัง

นายจตุรงณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี เจ้าของบ้าน นั่งอยู่ในอาการเมาสุราอย่างหนัก กล่าวว่า เป็นคนใช้ไฟแช็กเผาบ้าน เพราะน้อยใจหลายเรื่องภายในบ้าน ยอมรับว่า อยู่ทุกวันนี้ต้องใช้แรงงานในการรับจ้างหาเงินมาเลี้ยงชีพตัวเอง ส่วนชาวบ้านคนอื่นได้เงินฟรีจากรัฐบาล 10,000 บาท ใช้ชีวิตกันอย่างสนุกสนาน ส่วนตนลำบาก

สอบถามนายมานพ (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี น้องชาย เผยว่า ที่บ้านอยู่ด้วยกัน 3 คน คือแม่ พี่ชาย และตน ก่อนเกิดเหตุพี่ชายมาขอเงินอ้างเอาไปซื้อบุหรี่ และเหล้า แต่แม่ไม่มีให้จึงเริ่มบ่นคล้ายจะอาละวาด

จากนั้นได้ใช้ไฟแช็กจุดไฟเผาด้านล่างของบ้าน ตนจึงเข้าไปดับได้ทัน ห่างกันประมาณ 5 นาที พี่ชายขึ้นไปบนบ้านแล้วจุดไฟเผาอีก คราวนี้ดับไม่ทันจึงเกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว

นายมานพเผยต่อว่า พี่ชายเคยเมาแล้วเผาบ้านจนติดคุกมาแล้ว ครั้งนี้เป็นรอบที่ 2 แต่รุนแรง เพราะบ้านไหม้วอดทั้งหมด หลังจากนี้ยังไม่รู้ว่าจะอยู่กันอย่างไร

ด้าน พ.ต.อ.วิศิษฏ์ บัวสง่าวงค์ ผู้กำกับ สภ.เฉลิมพระเกียรติ อ.เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าน่าจะมีปัญหากันภายในบ้าน หลังจากนี้จะต้องให้กองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบ หากพบว่าเป็นการจงใจเผาอาจจะมีความผิด ขณะนี้ยังไม่ตั้งข้อกล่าวหา จึงควบคุมตัวไประงับสติอารมณ์ที่สถานีตำรวจก่อน

ส่วนการเยียวยาช่วยเหลือจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบอีกครั้ง ทั้งนี้ ปัญหาคนเมาแล้วคลุ้มคลั่งช่วงที่ผ่านมาเกิดขึ้นบ่อยครั้งซึ่งจะต้องใช้หลายหน่วยงานหาแนวทางการแก้ไข