เสียชีวิตแล้ว นายสุชาติ เขียนข้อความสั่งลา บนผนังบ้าน

เสียชีวิตแล้ว นายสุชาติ เขียนข้อความสั่งลา บนผนังบ้าน

วันที่ 23 ตุลาคม ร.ต.ท.ทวีศักดิ์ มุงคุณ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุมีชายผูกคอเสียชีวิตในบ้านพักหลังหนึ่ง บ้านหนองไผ่ หมู่ 5 ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี หลังรับแจ้งเหตุจึงพร้อมด้วย แพทย์เวรโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี และอาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว บริเวณขื่อหลังคาในห้องโถงตัวบ้าน พบศพ นายสุชาติ จุตเทน อายุ 51 ปี ใช้เชือกไนลอนสีแดงผูกคอตัวเองกับขื่อ ตามร่างกายไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย บริเวณบ้านไม่มีร่องรอยการต่อสู้ มีบันไดไม้ล้มอยู่ที่พื้นปลายเท้า คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8 ชั่วโมง ที่ประตูหน้าบ้านเขียนปากกาเมจิกสีน้ำเงินว่า “ลาทุกคนที่รู้จัก เมียผมเป็นเมียคนอื่น ลูกไม่ใช่ลูก เมียไม่ใช่เมีย เมียผมบอกว่าไม่มีใครรักผมเท่าเขา คำพูดโกหกกู รักพ่อมึงเหรอแบบนี้ มึงมีคนอื่น มึงยังโกหกกูอีก อีค-ย”

และที่บริเวณประตูหลังบ้าน มีการใช้ปากกาเมจิกสีแดงเขียนว่า “คิดถึงเมีย ผมรักเมียมาก ถึงเขาไม่รักก็ตาม ผู้ชายคนที่เมียผมเอาเป็นผัว เขาไม่พาหนีไปจากผม ยังอยู่ด้วยกันมาตลอดยี่สิบกว่าปี แต่ลูกผมเป็นคนแยกผมกับเมีย คำว่าพ่อลูกคงไม่มี คำพูดผิดๆ ของลูก คำว่ามึงกูให้พูดต่อไป กูรักแม่มึงมากกว่าชีวิต ไม่สมกับที่กูรักมึง” นอกจากนี้ ตามผนังห้องนอน ผนังชานบ้าน ผู้ตายยังเขียนระบายความในใจไว้เป็นจำนวนมาก ต่อมานายชาญชัย จตุเทน หรือเอก อายุ 25 ปี ลูกชายผู้ตาย ได้เดินทางมาที่บ้าน เพื่อให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นญาติไม่ติดใจสาเหตุการตาย จึงมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่วัดประจำหมู่บ้าน

นายเอก ลูกชายผู้ตาย เล่าว่า พ่อกับแม่แยกทางกันเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เนื่องจากพ่อชอบดื่มเหล้า เสพยาบ้า ไม่ค่อยทำงาน แต่พ่อก็ไม่ได้ย้ายไปไหน ยังอยู่ที่บ้านหลังนี้ ไม่นานแม่ก็มีสามีใหม่ชื่อนายรัตน์ อายุ 73 ปี พ่อเลี้ยงตนเป็นพ่อม่าย นิสัยดี จะมาที่บ้านหลังนี้บ้างหากมีธุระ พ่อเลี้ยงไม่ได้พาไปอยู่บ้านด้วย เพราะว่าลูกสาวและญาติเขายังอยู่ที่บ้าน แม่กับตนจึงต้องอยู่ที่บ้านนี้ต่อ พ่อเคยทะเลาะกับแม่เรื่องนี้ แม่ก็ไปเลิกกับพ่อเลี้ยง ไม่นานเมื่อเงินไม่พอใช้ พ่อก็บอกให้แม่ไปคืนดีกับพ่อเลี้ยง จะได้มีเงินใช้จ่าย แต่ระหว่างนั้นแม่ก็ทำงานหาเลี้ยงชีพตามปกติ พ่อเลี้ยงต่างหากที่ส่งเสียเลี้ยงดูตน ตนก็รักพ่อเลี้ยงเหมือนพ่อคนที่สอง จนแม่และพ่อเลี้ยงมีน้องชายอีกคนชื่อโปเต้ ปัจจุบันอายุ 16 ปีแล้ว ก็อาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้านนี้

ที่ผ่านมาก็ทนอยู่ในสภาพนี้มาตลอด ตนทะเลาะกับพ่อบ่อยครั้ง ถึงขั้นชกต่อยกันก็มีมาแล้ว เพราะตนบอกให้พ่อเลิกพฤติกรรมเสพยาแต่พ่อก็ไม่เลิก บอกให้พ่อไปทำงาน ทำตัวให้ดีขึ้น พ่อก็ยังเป็นแบบเดิม ประมาณต้นปีนี้ พ่อเสพยาอาละวาด อยากให้แม่เลิกกับพ่อเลี้ยง จนมีปากเสียงกับแม่ แม่หนีไปอยู่บ้านป้า พ่อก็ตามไปราวี จนต้องให้ผู้ใหญ่บ้านไกล่เกลี่ย พ่อก็รับปากจะทำตัวดี แต่เมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา พ่อเสพยาจนอาละวาดหนัก แม่จึงต้องหนีไปทำงานที่ จ.สระบุรี ส่วนตนก็ไปเช่าห้องอยู่ในตัวเมือง ทำงานรับจ้างเข็นไก่สดในตลาด น้องชายก็มาเช่าห้องเรียนหนังสือในเมือง เพราะทนพฤติกรรมพ่อไม่ไหว”

นายเอกเล่าอีกว่า เมื่อต้นเดือนตุลาคมตนกลับมาบ้าน บ้านก็เปลี่ยนไป พ่อรื้อของทุกห้องจนกระจัดกระจาย ยังพูดจากันกับพ่อไม่รู้เรื่อง วันนี้ตนทำงานตอนกลางคืน เลิกงานกำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ในห้อง น้องชายโทรมาบอกว่าพ่อผูกคอตาย ตนก็รีบขี่รถจักรยานยนต์มาที่บ้านทันที มาถึงเขาก็เอาศพพ่อลงมาแล้ว ทราบแค่ว่าเพื่อนพ่อมาหาที่บ้าน แล้วเข้ามาเห็นศพ จึงโทรแจ้งตำรวจ

อยากขออโหสิกรรมกับพ่อในทุกเรื่อง ที่ตนต้องพูดไม่ดีกับพ่อ ก็เพราะอยากให้พ่อเป็นคนดีกว่านี้ อยากให้เป็นผู้นำครอบครัว ที่จริงแล้วตนรักพ่อมาก ถ้าพ่อเลิกพฤติกรรมเสพยา กลับตัวเป็นคนดี เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น แม่รู้เรื่องแล้ว แต่ต้องทำงาน ปล่อยให้ตนและญาติจัดงานศพ คิดว่าจะเผาศพพ่อพรุ่งนี้เลย

จากนั้นญาติผู้ตายได้นำศพนายสุชาติมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดเวฬุวัน บ้านหนองไผ่ หมู่ 5 ต.หนองนาคำ โดยมีญาติและเพื่อนบ้านช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ในการสวดพระอภิธรรมในคืนนี้ โดยนายรัตน์ พ่อเลี้ยง ได้พานายเอก และนายโปเต้ ไปจุดธูปไหว้ศพเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อขอขมาและอโหสิกรรมต่อกัน ซึ่งนายรัตน์บอกดวงวิญญาณว่า ขอหมดเวรหมดกรรมต่อกัน ให้ทุกอย่างจบกันในชาตินี้ ส่วนนายเอกได้บอกพ่อทั้งน้ำตา ว่าขอโทษที่พูดไม่ดี ขอโทษที่ทำไม่ดีด้วย แต่ก็เพราะอยากให้พ่อดีขึ้น ขออโหสิกรรมทุกอย่าง ส่วนนายโปเต้พูดสั้นๆ ว่า ขอให้พ่ออโหสิกรรมต่อกันด้วย

นายรัตน์เล่าว่า คบหากับแม่ของลูกทั้ง 2 คน มา 20 ปีแล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับผู้ตายโดยตรงเลย เขาทำตัวเขาเอง ติดเหล้า ติดยาเสพติด ตนก็ได้แต่ดูแลภรรยาและลูกๆ ต้องอดทนทำเพื่อเขา สาเหตุคงจะน้อยใจอะไรสักอย่าง ตนไม่ได้เข้ามาดูแลครอบครัวนี้ ไม่ได้มาที่บ้านนี้ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อ 6 เดือนก่อน ก็อยู่ใครอยู่มัน คนตายก็ไม่เคยมาระรานตน ตนก็ไม่ได้สนใจอะไรเขา ก็ปล่อยให้เขาดูแลตัวเอง ต้องยอมรับในการตัดสินใจของเขา ตนก็ต้องเลี้ยงดูลูกๆ ต่อไป

ด้าน น.ส.บรรณธิการ อายุ 57 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า ตนมีบ้านอยู่ติดกับบ้านผู้ตาย คุยกับผู้ตายเกือบทุกวัน เขาไม่เมาก็ปกติก็ดี พูดจารู้เรื่อง ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงคิดสั้น ตั้งแต่เมียเขาไปทำงานที่ จ.สระบุรี ผู้ตายมักจะเอะอะโวยวายเสียงดังอยู่ในบ้านคนเดียว บางครั้งก็ร้องเพลง บางครั้งก็ร้องไห้ เมื่อคืนนี้ประมาณ 3 ทุ่ม ตนออกไปขุดปูนา ยังเห็นแสงไฟอยู่ที่บ้านคนตาย ประมาณ 4 ทุ่มหมาก็หอน ตนยังนึกอยู่ว่าจะมีคนตายหรือเปล่า ช่วงดึกๆ เพื่อนบ้านก็ยังได้ยินเสียงคนตายอยู่เลย และเมื่อไม่นานมานี้ คนในหมู่บ้านตาย เขาก็บอกตายก็ดี จะได้สบาย ตัวเองก็ไม่แน่เหมือนกัน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ