คดีพลิก เงิน 10,000 ที่หายไป พ่อค้าลอตเตอรี่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ความจริงกระจ่างแล้ว
จากกรณี หญิง อายุ 54 ปี ชาวบ้านห้วย ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ เข้าแจ้งความที่ สภ.เฉลิมพระเกียรติ หลังจากเมื่อเช้าวันที่ 30 ก.ย.67 ตนได้นำบัตรเอทีเอ็มของผู้เป็นพ่อไปถอนเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่ตู้เอทีเอ็ม แต่เงินไม่ออกมา พอนำสมุดบัญชีไปปรับกลับพบว่าเงิน 10,000 บาท ถูกถอนออกไปแล้ว ซึ่งสงสัยว่าชายคนที่ต่อคิวถอนเงินอาจจะหยิบไป
ล่าสุด ผู้อำนวยการธนาคารพร้อมด้วยผู้จัดการธนาคาร ได้นัดเจ้าของบัญชีพร้อมด้วยลูกสาวที่เป็นคนนำบัตรเอทีเอ็มไปกดเงิน รวมถึงชายอายุ 51 ปี พ่อค้าลอตเตอรี่ คนที่รอคิวถอนเงินต่อจากหญิงคนดังกล่าวเข้ามาพบทำความเข้าใจที่ธนาคาร
ทั้งนี้ พ.ต.อ.วิศิษฏ์ บัวสง่าวงศ์ ผกก.สภ.เฉลิมพระเกียรติ ได้มอบหมายให้ ร.ต.ต.หนึ่ง ไชมงคล รอง สว.สส.สภ.เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งติดตามคดีดังกล่าวมาร่วมรับฟังด้วย โดยธนาคารบอกว่า จากการตรวจสอบพบว่าเงิน 10,000 บาทไม่ได้หายไปไหน และไม่มีใครหยิบออกจากตู้ไป จากการตรวจสอบพบว่าระบบดูดกลับคืนเข้าตู้ 10,000 บาท เนื่องจากลูกค้าไม่ได้หยิบเงินออกจากช่องรับเงินภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยของทางธนาคาร
โดยตู้เอทีเอ็มที่ลูกค้าใช้บริการกดเงินนั้น เป็นตู้แบบ CDM ซึ่งเป็นระบบฝาก – ถอนและโอนเงินได้ในตู้เดียว แต่ถ้าตู้เอทีเอ็มจะเป็นระบบถอนเงินได้อย่างเดียว สำหรับกรณีดังกล่าวเป็นความเข้าใจผิดพลาด เนื่องจากผู้ใช้บริการไม่เคยกดเงินแบบตู้ฝาก-ถอนมาก่อน ระบบจะกำหนดเวลาไว้ประมาณ 50 วินาที หากไม่หยิบเงินออกจากตู้ก็จะดูดเงินกลับเข้าระบบทันที
ขอให้ลูกค้ามั่นใจและเชื่อมั่นในระบบของธนาคารซึ่งมีความปลอดภัยที่สุด สำหรับเงินที่ถูกดูดกลับทางธนาคารจะโอนกลับคืนบัญชีลูกค้าภายในวันจันทร์นี้ เนื่องจากต้องเป็นไปตามระเบียบของธนาคาร
ขณะที่ หญิงคนดังกล่าวก็ได้ยกมือไหว้พ่อค้าลอตเตอรี่ที่เข้าใจผิดคิดว่าหยิบเงินไป พร้อมทั้งได้กล่าวขอบคุณทุกคนและทุกหน่วยงาน ที่ช่วยติดตามเรื่องให้ หลังจากนี้ก็จะรอบคอบให้มากขึ้น