วันที่ 3 ต.ค. 2567 นางนภาพร อายุ 54 ปี ชาวบ้านห้วย ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ เข้าแจ้งความที่ สภ.เฉลิมพระเกียรติ พร้อมทั้งจุดธูปไหว้รูปถ่ายของแม่ที่เพิ่งเสียชีวิตเมื่อเดือนที่ผ่านมา เพื่อขอให้ดวงวิญญาณแม่ช่วยเหลือ

หลังจากเมื่อช่วงเช้าวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา นางนภาพรได้นำบัตรเอทีเอ็มของพ่อ คือนายเปลี่ยว อายุ 76 ปี ไปกดถอนเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่ได้รับจากรัฐบาล ที่ตู้เอทีเอ็ม ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาเฉลิมพระเกียรติ แต่ไม่เห็นเงินไหลออกมา แต่พอนำสมุดบัญชีไปให้เจ้าหน้าที่ธนาคารปรับเช็กยอดดู กลับพบว่าเงินถูกถอนออก 10,000 บาทแล้ว

นางนภาพร กล่าวว่า พ่อของตนแก่แล้วไปถอนเองไม่เป็น ตนได้ไปกดที่ตู้เอทีเอ็ม ซึ่งตนไม่รู้ว่าเป็นตู้ที่ฝากเงินได้ด้วย ตนก็กดถอนเงิน 10,000 บาท แต่พอยืนรอสักพักไม่เห็นเงินไหลออกมาทางช่องด้านหน้าเหมือนทุกครั้ง เพราะไม่รู้ว่าตู้ดังกล่าวจะมีเงินออกมาจากช่องตรงกลางตู้ จึงเข้าใจว่ากดถอนแล้วเงินยังไม่ออก

ตนจึงบอกให้ผู้ชายที่ยืนรอกดถอนเงินคิวต่อจากตนลองถอนดู พอเขาลองกดถอนดูก็บอกว่าใช้ได้ปกติ ก็เห็นเขาหยิบเงินจากช่องรับเงินแล้วเดินไป โดยตนไม่รู้ว่าเขาหยิบเงินที่ตนถอนก่อนหน้านั้นไปด้วยหรือไม่ ก็ไม่กล้าถามกลัวจะหาว่าปรักปรำเขา

ตนจึงตัดสินใจเอาสมุดบัญชีของพ่อไปให้เจ้าหน้าที่ปรับเช็กยอดให้ เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าเงินถูกถอนออกไปแล้ว 10,000 บาท ส่วนตัวเชื่อว่าถ้าเงินไหลออกมาแล้ว น่าจะเป็นผู้ชายคนที่รอกดเงินต่อจากตนเอาไปหรือไม่

จึงไปแจ้งความเพื่อให้ตำรวจประสานกับทางธนาคาร ว่าเงินจำนวนดังกล่าวหายไปไหน หรือใครเอาไป หากชายคนดังกล่าวเอาไปจริงก็อยากวิงวอนให้เอามาคืนด้วย เพราะสงสารพ่อที่แก่ชราแล้ว เพิ่งจะเสียแม่ไป ก็อยู่บ้านคนเดียว ครอบครัวฐานะยากจนลำบากมาก อยากให้เห็นใจด้วย หากเอามาคืนก็จะไม่ติดใจเอาเรื่องอะไร

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างประสานธนาคารฯ เพื่อขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด จากสำนักงานใหญ่ เพื่อตรวจสอบว่าใครที่เป็นคนเอาเงินจำนวนดังกล่าวไป