หนุ่มทนไม่ไหว ลั่นไกใส่เพื่อนบ้าน หลังตั้งวงกินเหล้าส่งเสียงดัง
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 2 สิงหาคม 2567 ร.ต.อ.วณิชชา ทิพย์ภาลัย ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองยโสธร ได้รับแจ้งว่ามีเหตุชายถูกยิงได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหน้าบ้านพัก เลขที่ 258 บ้านค้อใต้ ต.ค้อเหนือ อ.เมือง จ.ยโสธร จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.วรวุทธิ์ ท่านมุข รอง ผกก.สส.สภ.เมืองยโสธร และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองยโสธร และเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างร่วมใจยโสธร
ที่เกิดเหตุเป็นถนนภายในบ้านทราบว่าผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ คือ นายณัฐพงษ์ นันทภักดิ์ อายุ 49 ปี ชาวบ้านพลับ ต.ดู่ทุ่ง อ.เมือง จ.ยโสธร (ทราบชื่อภายหลัง) สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้น นอนคว่ำหน้ามีแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่บริเวณแผ่นหลัง จำนวน 2 แผล และต้นขาขวาอีก 1 แผล จนเลือดไหลอาบ เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเร่งนำตัวส่งไปรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาลยโสธร ก่อนหน้านั้นแล้ว ในที่เกิดเหตุยังพบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 3ฒฐ 96 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่และมีร่องรอยถูกยิงที่ประตูฝั่งคนขับจนเป็นรู จำนวน 1 รู ห่างไป 3 เมตรเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่ จำนวน 2 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนคนก่อเหตุทราบชื่อ คือ นายวิริยะ อินทนนท์ อายุ 53 ปี อาชีพทำนา เป็นเจ้าของบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับจุดเกิดเหตุ หลังจากก่อเหตุแล้วได้หลบหนีไปอยู่บ้านของลูกชาย ซึ่งอยู่ภายในหมู่บ้านเดียวกัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจตำรวจตำบลและชุดสืบสวนได้ติดตามไปจับกุมตัวได้ที่บ้านพักของลูกชายห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร พร้อมด้วยอาวุธปืนของกลางที่ใช้ก่อเหตุ เป็นอาวุธปืนยี่ห้อซิก ซาวเออร์ ขนาด 9 มม. ที่มีทะเบียนถูกต้อง แต่เป็นชื่อของคนอื่น
ซึ่ง นายวิริยะ ผู้ก่อเหตุเบื้องต้นให้การรับสารภาพว่าได้ลงมือก่อเหตุจริง เนื่องจากผู้บาดเจ็บมักจะมาร่วมดื่มสุรากับเพื่อนบ้านที่มีบ้านพักอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านพักของผู้บาดเจ็บและมักจะส่งเสียงดังรบกวนอยู่เป็นประจำจนดึกดื่น แทบทุกวัน และก่อนเกิดเหตุผู้บาดเจ็บได้พูดจาเสียดสีผู้ก่อเหตุ พร้อมกับได้ร้องเพลงเยาะเย้ยจนทำให้ผู้ก่อเหตุเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่จึงได้ก่อเหตุดังกล่าว
จากการสอบถาม นางมลฤดี ฟูมประหัน อายุ 50 ปี เจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ ให้การว่าตนกับเพื่อนอีก 4 คน ได้พากันตั้งวงสังสรรค์ดื่มสุรากันตั้งแต่ช่วงเที่ยงวัน จนกระทั่งเวลา 15.00 น. นายณัฐพงษ์ ผู้บาดเจ็บ ได้ขับรถกระบะมาจอดไว้หน้าบ้านและได้ร่วมวงดื่มสุราด้วยจนกระทั่งเวลาประมาณ 18.00 น. นายณัฐพงษ์ ผู้บาดเจ็บได้ขอตัวกลับบ้านและกำลังเดินออกไปหน้าบ้าน เพื่อขึ้นรถกระบะที่จอดเอาไว้ ระหว่างนั้นตนได้ยินเสียงดังคล้ายจุดประทัด 3 ครั้ง ก็ไม่ได้คิดอะไร จนมีเพื่อนมาบอกว่า นายณัฐพงษ์ ถูกยิงจึงได้พากันออกไปดู และเห็นคนยิงคือ นายวิริยะ ซึ่งมีบ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน จากนั้นก็ได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
อย่างไรก็ตาม พวกตนก็มักจะตั้งวงสังสรรค์ดื่มสุรากันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้เสียงดังอะไรมากมาย โดยก่อนหน้านี้ นายวิริยะ ผู้ก่อเหตุได้เคยไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองยโสธร เรื่องที่ นายณัฐพงษ์ ผู้บาดเจ็บกับพวกมาบีบแตรรถ และผู้จาข่มขู่ นายวิริยะ ผู้ก่อเหตุที่บริเวณหน้าบ้านมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา แต่ตนก็ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกันมาก่อนหรือไม่ เพราะตนก็เป็นญาติกับภรรยาผู้ก่อเหตุ ส่วนเรื่องเสียงดังนั้นก็มีบ้างตามประสาวงสังสรรค์
ขณะที่เพื่อนของผู้บาดเจ็บอีกคนที่นั่งดื่มสุราด้วยกัน บอกว่า พวกตนร่วมวงดื่มสุรากันอยู่ประมาณ 5 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ซึ่งอาจะมีการพูดคุยส่งเสียงดังบ้างและในขณะที่ผู้บาดเจ็บกำลังเดินไปขึ้นรถกระบะเพื่อกลับบ้าน ปรากฏว่าได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด ตนจึงรีบวิ่งไปดู ก็พบว่าผู้บาดเจ็บถูกยิงนอนจมกองเลือดอยู่ข้างรถกระบะแล้วจึงเข้าไปช่วยเหลือและโทรศัพท์แจ้งให้รถกู้ชีพเข้าไปรับตัวส่งโรงพยาบาล ส่วนสาเหตุนั้นตนก็ไม่ทราบชัดเจน
ด้าน นายวิริยะ อินทะนนท์ ผู้ก่อเหตุ ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า สาเหตุที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ เนื่องจากบ้านหลังเกิดเหตุซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านของตน มักจะพากันตั้งวงดื่มสุรากันแทบทุกวันและมักจะส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้านทั้งร้องเพลงและเสียงดังจนดึกดื่นและบ้านข้างเคียงก็จะมีทั้งผู้สูงอายุและผู้ป่วย แต่ก็ไม่มีใครกล้าห้ามปราม ซึ่งตนก็เก็บความรู้สึกมานานหลายเดือน จนกระทั่งวันนี้ซึ่งผู้บาดเจ็บก็มักจะมาร่วมวงสังสรรค์กันเป็นประจำได้พูดจาเสียดสีตนเอง จนตนทนไม่ไหวจึงหยิบอาวุธปืนที่เพิ่งจะซื้อมาต่อจากคนอื่น แต่ยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ กระหน่ำยิงไป จำนวน 3 นัด แต่ไม่ทราบว่าไปโดนตรงไหนบ้าง ก่อนจะหลบหนีไปอยู่บ้านของลูกชายจนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามไปจับกุมตัว
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ล่าสุดอาการผู้บาดเจ็บปลอดภัยแล้ว