กรมชลฯ แจ้งเตือนผู้ว่าฯ 11 จังหวัด ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเตรียมรับมือระบายน้ำ
วันที่ 25 ก.ค. 2567 กรมชลประทานออกประกาศ ฉบับที่ 2 แจ้งเตือนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 11 จังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วย จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และ กทม. ให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ และแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย เนื่องจากปริมาณน้ำที่ไหลจากพื้นที่ภาคเหนือลงมายังเขื่อนเจ้าพระยาที่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นระหว่าง 1,500 - 1,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
เนื่องจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้มีการออกประกาศเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในช่วงวันที่ 24-31 กรกฎาคม 2567 จากอิทธิพลของร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ประเทศเมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และประเทศลาวตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณตอนใต้ ของประเทศจีน
ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังแรงขึ้น จะทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ รวมไปถึงฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออกและด้านตะวันตกของภาคเหนือ และภาคตะวันตก และจากการคาดการณ์โดยกรมชลประทาน ใน 1-3 วันข้างหน้า ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ จะมีปริมาณน้ำไหลผ่าน ประมาณ 1,200 - 1,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
และคาดการณ์ปริมาณน้ำจากลำน้ำสาขามีปริมาณ 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งทำให้ปริมาณน้ำที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยาจะมีปริมาณระหว่าง 1,500 - 1,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และรับน้ำเข้าระบบชลประทาน 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ในอัตรา 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวนาที
กรมชลประทาน จึงมีความจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตราระหว่าง 800 - 1,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 0.80 - 1.10 เมตร บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกันน้ำบริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และในพื้นที่ริมแม่น้ำน้อย ที่ ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน หากมีปริมาณน้ำเหนือเพิ่มขึ้นที่จะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 1,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีจะแจ้งให้ทราบต่อไป
สำหรับในปัจจุบัน ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านจุดวัดอยู่ที่ 1,132 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ที่เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 16.13 เมตร/รทก. มีปริมาณน้ำทางด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่ 10.10 เมตร/รทก. ซึ่งระดับน้ำห่างจากตลิ่งอยู่ที่ 6.24 เมตร และเขื่อนเจ้าพระยามีอัตราการระบายน้ำผ่านเขื่อนอยู่ที่ 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งส่งผลทำให้ที่สถานีวัดน้ำ C.3 บ้านบางพุทรา อ.เมือง จ.สิงห์บุรี มีปริมาณน้ำไหลผ่านจุดวัดอยู่ที่ 759 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
อย่างไรก็ตาม ทางกรมชลประทาน จะบริหารจัดการน้ำและควบคุมปริมาณการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์อย่างเต็มศักยภาพ ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน ได้แจ้งเตือน 11 จังหวัดในลุ่มน้ำเจ้าพระยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงประชาชนที่อาศัยอยู่พื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด