หนุ่มวัย 20 ตัดสินใจลาโลก คาดน้อยใจ โทรหาแฟน 30 สาย แต่ไม่รับ
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ร.ต.อ.ชนาธิป โอ่งเคลือบ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองสมุทรสงคราม ได้รับแจ้งเหตุผูกคอเสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 38 ม.6 ต.บ้านปรก อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม จึงไปตรวจสอบพร้อม นพ.อภิศักดิ์ สุตานนท์ แพทย์เวร รพ.สมเด็จพระพุทธเลิศหล้า และ เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสรรพราเชนทร์สมุทรสงคราม ในที่เกิดเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ริมคลองผีหลอก บริเวณชั้นล่าง พบศพนายธัชพล อายุ 20 ปี นุ่งกางเกงขาสั้นสีขาว ไม่สวมเสื้อ สภาพท่านั่งเหยียดขา กับพื้น ใกล้กันมีเก้าอี้สีเขียววางซ้อยอยู่ 23 ตัว บริเวณลำคอมีสายไฟสีแดงผูกอยู่กับเหล็กกล่องที่พาดกับคานใต้ถุนบ้าน มี น.ส.ศศิชา อายุ 20 ปี แฟนสาว ชาว ต.บางคนที อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม วิ่งหน้าตาตื่นมาดูร่างของแฟนหนุ่ม เมื่อเห็นร่างแฟนหนุ่งถึงกับทรุดตัวลงนั่งร่ำไห้แทบขาดใจ
น.ส.ศศิชา กล่าวว่า ตนคบหาดูใจกับแฟนหนุ่มมานาน 1 ปี ที่ผ่านมามักทะเลาะกันเรื่องเล็กๆตามประสาคนรักกัน โดยเฉพาะเรื่องโทรศัพท์ไม่รับสาย ล่าสุดเวลา 11.00 น. วันนี้ ตนก็เข้ามาหาแฟนหนุ่มก็มีปากเสียงกันเรื่องโทรศัพท์ไม่รับเหมือนเดิม กระทั่งตนกลับไปทำงานประมาณ เที่ยงแฟนหนุ่มก็โทรศัพท์มาหาหลายสาย แต่ตนทำงานจึงไม่ได้รับ กระทั่งตนมาทราบว่าแฟนหนุ่มผูกคอตายไปแล้ว
นายณัฐวุฒิ อายุ 20 ปี เพื่อนผู้ตาย ซึ่งยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ด้วยอาการโศกเศร้า ว่า ตนกับเพื่อนทำงานที่ร้านอาหารชาบูแห่งหนึ่ง นายธัชพล เป็นคนที่เคร่งเครียด แต่ไม่ชอบเล่าความในใจให้ใครฟัง แต่มักจะทำเป็นสนุกสนานร่าเริงกลบเกลื่อนความเครียดในใจ เมื่อคืนก่อนเกิดเหตุ ตนกับนายธัชพล เลิกงานประมาณ 5 ทุ่ม อาสามานอนเป็นเพื่อนหวังว่ามีอะไรจะได้ช่วยกันทัน เนื่องจากนายธัชพลอยู่ตามลำพัง เพราะปู่ย่า ไม่อยู่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า ส่วนพ่อแม่ไปทำงาน และได้นั่งเล่นสังสรรค์กันถึงตี 2 ก่อนจะแยกย้ายกันไปนอน กระทั่งตนตืนมา บ่าย 2 ก็เห็นว่านายธัชพล เพื่อนรักผูกคอตายแล้ว
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายธัชพล โทรศัพท์ไปหาแฟนสาวประมาณ 30 สาย แค่แฟนสาวไม่ได้รับ เนื่องจากทำงานที่บริษัทไปรษณีย์สาขาอัมพวา จึงอาจเป็นสาเหตุให้นายธัชพล น้อยใจคิดสั้นผูกคอตายก็เป็นได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะส่งไปชันสูตรที่ แผนกนิติเวช รพ.ราชบุรี เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ด้าน นพ.นราพงศ์ ธีรอัครวิภาส นพ.สสจ.สมุทรสงคราม กล่าวว่า สถานการณ์การฆ่าตัวตายใน จ.สมุทรสงคราม มีแนวโน้มสูงขึ้น จากข้อมูลในปี 2564 มีอัตราฆ่าตัวตาย 5.2 ต่อ แสนประชากร, ปี2565 เพิ่มเป็น 10 ต่อ แสนประชากร ปี 2566 เพิ่มเป็น 10.6 ต่อแสนประชารกร ล่าสุดข้อมูลระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2566 ถึงวันที่ 31 พ.ค.2567 พบว่าผู้ฆ่าตัวตาย 11 ราย คิดเป็นอัตราการฆ่าตัวตาย 5.8 ต่อแสนประชากร แยกเป็น อ.เมืองฯมากที่สุด 7 ราย ส่วน อ.อัมพวา และ อ.บางคนที เท่ากันแห่งละ 2 ราย หากแยกเป็นเพศจะพบว่าเพศชายมีมากถึง 9 ราย มีหญิงเพียง 2 ราย ขณะที่วิธีการฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอ 9 ราย และยิงตัวตายเพียง 2 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นข้าราชการตำรวจ
นพ.นราพงศ์ กล่าวแนะนำว่าการฆ่าตัวตายมีพฤติกรรมในการแสดงออกที่จะรู้ได้ ส่วนใหญ่จะแสดงออกถึงความต้องการ หรืออยากให้ผู้คนรอบข้างช่วยเหลือ เช่น บ่นว่ารู้สึกเบื่อ ไม่มีความสุข สั่งเสีย ฝากดูแลคนที่รัก ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกในทางการแพทย์เราเชื่อว่าส่วนใหญ่จะแสดงออกก่อนที่จะฆ่าตัวตาย ดังนั้นญาติหรือคนใกล้ชิดหากพบพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าว ก็ควรถามถึงความรู้สึกความต้องการ ให้ช่วยเหลือ เช่น รู้สึกซึมเศร้าไหม, ความซึมเศร้าแบบนี้เบื่อชีวิตไหม, รู้สึกอยากทำอะไร, อยากฆ่าตัวตายหรือไม่ หากตอบว่าอยาก หรือมีความรู้สีกแบบนั้น ให้ถามต่อเลยว่าจะทำยังไง คือ คิดอยากตายแล้วคิดจะทำ ยังไง เพื่อจะได้ป้องกัน
นพ.นราพงศ์ กล่าวว่า ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดว่า ถามเรื่องเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายไม่ได้ ถามแล้วจะไปกระตุ้นการฆ่าตัวตาย ซึ่งไม่จริง แต่กลับตรงกันข้ามข้อเท็จจริงการศึกษาวิจัยโดยอาจารย์แพทย์ทางด้านจิตแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ยืนยันว่า การถาม การแสดงความสนใจ การแสดงความใส่ใจ การแสดงความช่วยเหลือ การพูดคุยเรื่องแบบนี้ เป็นการป้องกันที่ดีที่สุด ดังนั้นหากพบพฤติกรรมแสดงความช่วยเหลือข้างต้น หรือ โพสต์โซเชียลแปลกๆ ในลักษณะไม่ไหวแล้ว ทนไม่ได้แล้ว คนใกล้ชิด ต้องรีบถามแสดงความช่วยเหลือไปแบบตรงๆ ซึ่งถามแล้วไม่มีอะไร ก็ยังดีกว่าการไม่ถาม แล้วคนที่เรารักไปฆ่าตัวตาย
อย่างไรก็ตามหากเราถามพูดคุยแล้ว ประเมินว่ายังไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ เบื้องต้นสามารถโทรศัพท์ปรึกษาสายด่วน กรมสุขภาพจิต 1323 นอกจากนี้กรมสุขภาพจิตยังมีคิวอาร์โคด MENTAL HEALTH CHECK IN โดยสามารถแสกนแบบสอบถาม ถ้าระบบตรวจสอบพบว่ามีความเสี่ยง เจ้าหน้าที่กรมสุขภาพจิตจะติดต่อ มายังเบอร์โทรศัพท์ของผู้ประเมินที่ลงทะเบียนทันที เพื่อพูดคุยระบายความรู้สึก และให้ความช่วยเหลือทันที