ลูกชายวัย 14 ดับปริศนา พ่อนอนเจ็บสาหัสอยู่ข้างๆ ย่าให้การอ้ำอึ้ง
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่ามีเหตุฆ่ากันตายที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ 4 ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี จึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิกู้ภัยสว่างรัตนตรัยธรรมสถานสระบุรี จุดบ้านหมอ
ในจุดเกิดเหตุเป็นบ้าน 1 ชั้น ยกพื้น มีใต้ถุน อยู่ภายในสวนพื้นที่โดยรอบเป็นป่าละเมาะ ส่วนผู้เสียชีวิตทราบชื่อภายหลัง ด.ช.บุญศิล อายุ 14 ปี เสียชีวิตอยู่ภายในห้องนอน ส่วนผู้บาดเจ็บนอนอยู่ข้างๆ ผู้ตาย อาการสาหัส ชื่อ นายบุญฤทธิ์ อายุ 40 ปี เป็นพ่อของผู้ตาย เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลบ้านหมอไปก่อนหน้าแล้ว
นางบังอรรัตน์ แม่นายบุญฤทธิ์ ผู้ที่บาดเจ็บสาหัส และเป็นย่าของผู้ตาย เล่าเหตุการณ์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนด้วยอาการสับสน ลักษณะคล้ายจะปิดบังอะไรบางอย่าง ประกอบกับแหล่งข่าวในพื้นที่แจ้งว่ามีดทำครัวลักษณะที่เรียกว่ามีดปังตอ หลังเกิดเหตุย่าผู้ตายนำมาทิ้งไว้ข้างบันไดทางขึ้นบ้าน
อีกทั้ง พ.ต.อ.มนัสเวท ทองอิ่ม ผกก.สภ.บ้านหมอ ได้สอบปากคำนางบังอรรัตน์ด้วยตัวเอง ซึ่งเชื่อว่านางบังอรรัตน์น่าจะปกปิดความจริงอะไรบางอย่าง โดยให้การไม่สอดคล้องกันกับหลักฐานที่พบในจุดเกิดเหตุและบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีนี้
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเบื้องต้นเข้าเก็บหลักฐานโดยรอบจุดเกิดเหตุและบริเวณห้องที่พบศพ พร้อมทั้งมีดที่ใช้ก่อเหตุ เพื่อนำไปตรวจดีเอ็นเอรวมถึงลายนิ้วมือแฝง เพื่อหาตัวผู้ที่ลงมือก่อเหตุที่แท้จริง
ด้าน พ.ต.อ.มนัสเวท ทองอิ่ม ผกก.สภ.บ้านหมอ เผยว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านหลังสุดท้ายในซอยตัน ซึ่งมีผู้อาศัยอยู่ในบ้านทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูก และหลาน จากการสอบปากคำประกอบสถานที่เกิดเหตุในเบื้องต้นยังไม่ทราบแน่ชัดว่าผู้ก่อเหตุเป็นผู้ใด อยู่ระหว่างการสอบสวนบุคลลที่อยู่ในที่เกิดเหตุ รวมถึงตรวจสอบบริเวณรอบๆ ที่เกิดเหตุด้วย เนื่องจากว่าเป็นป่า จะมีรอยต่อเข้าไปในส่วนของถนนใหญ่ ซึ่งอาจจะมีกล้องวงจรปิดอยู่ด้วย และรอผลการชันสูตรจากแพทย์
พ.ต.อ.มนัสเวทกล่าวว่า เกี่ยวกับเรื่องบาดแผลของคนที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต และรอผลตรวจสอบจากกองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่เปิดประเด็นทุกอย่าง ซึ่งจะต้องเคลียร์ออกทีละประเด็นไป ก่อนเกิดเหตุจะมีพ่อ ลูก และย่า อยู่ภายในบ้าน ส่วนปู่นั้นออกไปนอกบ้าน ซึ่งจุดข้อสงสัยทั้งหมดต้องรอการสอบสวนให้ครบทุกประเด็นก่อน ซึ่งทุกประเด็นมีความเป็นไปได้หมด
ด้านนางบังอรรัตน์เล่าว่า ลูกชายตนเองเล่าว่าโดนเพื่อนหักหลัง เพื่อนหลอกใช้ ยุให้เกลียดพ่อแม่ ว่าพ่อแม่ไม่รัก ลักษณะการบูลลี่พ่อแม่ว่าพ่อแม่ไม่รัก ซึ่งก็เอาลูกของตนเองไปอยู่กับปู่ย่าตั้งแต่ยังเด็กๆ ลูกชายของตนนั้นรักลูกมากและเลิกกับภรรยาไปตั้งแต่หลานของตนอายุได้ 6-7 เดือน ลูกของตนจะรักแม่และห่วงแม่มาก เมื่อเช้าก็มากราบเท้า วันเกิดก็ยังพาลูกมากราบเท้าตน และยังพูดว่าถ้าตนเอง (นายบุญฤทธิ์) เป็นอะไรมาเราจะไม่ปลอดภัย ขอให้แม่รีบหนีไปเลยนะ
นางบังอรรัตน์เล่าว่า ซึ่งตนเองก็คิดว่าลูกของตนเองไม่น่าจะคิดสั้น เคยบอกลูกไปแล้วให้ทนเอาหน่อย เดี๋ยวพอหลานปิดเทอมแล้วก็จะไป โดยให้หลานชายบวชเณร ส่วนลูกชายให้บวชพระตลอดชีวิต และตนเองจะบวชชีพราหมณ์เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร สิ่งที่ใครคิดร้ายต่อเราไม่ต้องไปอาฆาตเขา ซึ่งลูกของตนเองยังพูดอีกว่ามันจะช้าไปหรือเปล่า เราต้องรีบไปจากตรงนี้นะ ซึ่งตนก็คิดว่าจะไปบวชทางภาคอีสาน ทางพระสายป่า
นางบังอรรัตน์เล่าว่า ตอนเกิดเหตุตนเองไปเก็บผัก ได้ยินแต่เสียงหมาเห่ากระโชก ตนเองคิดว่าเห่างู ลูกของตนนั้นรักลูกมากไม่มีการทะเลาะกัน ซึ่งตนเองก็รักหลานมาก เนื่องจากมีหลานชายเพียงคนเดียว ตนไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุใด มีเพียงลูกชายพูดว่าโดนเพื่อนหักหลัง ซึ่งลูกของตนเองจะบ่นอยู่เป็นประจำและบอกว่าเครียด นอนไม่หลับ ตนเองยังบอกไปว่าไม่ต้องคิดอะไร ลูกชายยังพูดอีกว่าความปลอดภัยไม่มาถึงเราแล้วนะแม่