ในหลวง พระราชินี ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต
เมื่อเวลา 18.12 น. วันที่ 21 กรกฎาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูร้อนพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรเพื่อทรงเครื่องสำหรับฤดูฝน และไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอภิลักขิตสมัยคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย บรรจบครบ 200 ปี พ.ศ. 2567 ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง
ครั้นเสด็จ ฯ ถึง สมด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ประทับยืนหน้าพระอาสน์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จ ฯ ไปด้านหลังฐานชุกชี ขึ้นเกยไปยังบุษบกที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ถวายพวงมาลัยสักการะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงกราบ
ทรงถอดมงกุฎจากพระเศียรพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร มอบเจ้าพนักงานภูษามาลา ทรงหยิบพระมหาสังข์ประจำพระองค์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ที่ตั้งอยู่ด้านข้าง ทรงสรงพระสุคนธ์ที่พระอังสาซ้ายขวาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เสร็จแล้วทรงวางพระมหาสังข์ไว้ที่เดิม
จากนั้น ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร ดุริยางค์ ทรงรับพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏจากเจ้าพนักงานภูษามาลา ทรงสรงพระสุคนธ์ที่พระอังสาซ้ายขวาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เสร็จแล้วทรงคืนพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏให้เจ้าพนักงานภูษามาลา ทรงรับผ้าขาวจากเจ้าพนักงานภูษามาลาซับตามองค์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เสร็จแล้วทรงรับมงกุฏประจำฤดูฝนจากเจ้าพนักงานภูษามาลา ทรงสวมถวายที่พระเศียรพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงคม
จากนั้น เสด็จ ฯ ลงจากเกยไปประทับพระราชอาสน์ที่จัดไว้ข้างฐานชุกชี ทรงหยิบผ้าขาวที่ซับองค์พระพุทธมหามณีรัตนปฏมากรแล้วนั้น ชุบพระสุคนธ์ในโถแก้ว แล้วทรงบีบลงในโถแก้วและหม้อน้ำ เสร็จแล้ว เสด็จ ฯ ไปที่ฐานชุกชีทรงรับกระทงดอกไม้จากเจ้าพนักงานพระราชพิธี วางบนพานหน้าฐานชุกชี ทรงจุดธูปเทียนครื่องนมัสการท้ายที่นั่ง แล้วทรงจุดเทียนห่วงบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงคม
เสด็จ ฯ ไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ ทรงคม เสด็จ ฯ ไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธเลิศหล้านภาไลย ทรงคม จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จ ฯ ไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองใหญ่ที่หน้าธรรมาสน์ศิลา ทรงกราบ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จ ฯ ไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองทิศที่หน้าธรรมาสน์ศิลา ทรงกราบ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้า ฯ ประทับพระราชอาสน์ เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระมหาสังข์เพชรน้อยเข้าทูลเกล้า ฯ ถวาย ทรงรับพระมหาสังข์เพชรน้อย แล้วสรงที่พระเศียร เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระสังข์เพชรน้อยออก และเชิญสังข์นครเข้าทูลเกล้า ฯ ถวายพระราชทานน้ำสังข์นครแก่พระราชวงศ์ที่มาเฝ้า ฯ เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญสังข์นครออก
เสด็จ ฯ ไปทรงพระสุหร่ายน้ำพระพุทธมนต์ที่สรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรแก่ข้าราชการที่มาเฝ้า ฯ ภายในพระอุโบสถ เสร็จแล้ว ประทับราชอาสน์ ณ ที่เดิม โดยพราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนครบ 3 รอบ และเจิมที่ญานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จ ฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้า ฯ เสด็จออกจากพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงพระสุหร่ายน้ำพระพุทธมนต์ที่สรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรแก่ประชาชนที่มาเฝ้า ฯ เสร็จแล้ว
จากนั้น เสด็จ ฯ ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ครั้นเสด็จพระราชดำเนินถึงพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพานทองสองชั้นบูชาพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 2 และพระพุทธรูปประจำพระชนมวารคู่ พระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งประดิษฐานในพระที่นั่งบุษบกมาลา ทรงกราบ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยาราชาวดี และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงกราบถวายบังคมพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งประดิษฐานที่พระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร
ต่อจากนั้น สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยารอง และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงกราบ เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประเคนพัดรองที่ระลึกพระราชพิธี
ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอภิลักขิตสมัยคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย บรรจบครบ 200 ปี แด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และสมเด็จพระราชาคณะ ทรงยืนประเคนพัดรองที่ระลึกพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอภิลักขิตสมัยคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย บรรจบครบ 200 ปี แด่พระราชาคณะเจ้าคณะรอง และพระราชาคณะ จนครบ 58 รูป จากนั้น พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ จบ ทรงจุดเทียนดูหนังสือเทศน์พระราชทานแก่เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญไปปักที่จงกลธรรมาสน์ ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม เสร็จแล้ว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร สำหรับพระบรมอัฐิทรงธรรม ทรงศีล พระพรหมวัชรเมธี เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม ถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนา เรื่อง อัปปมาทกถา จบแล้ว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ที่สวดพระพุทธมนต์และถวายพระธรรมเทศนา สดับปกรณ์พระบรมอัฐิ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา
ต่อจากนั้น ทรงทอดผ้าไตรจนครบ 58 รูป พระสงฆ์สดับปกรณ์ เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 2 และพระพุทธรูปประจำพระชนมวารคู่พระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา ทรงกราบถวายบังคมพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วเสด็จออกจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2310 ทรงพระปรีชาสามารถในพระราชกรณียกิจหลายด้าน ทรงปราบปรามข้าศึกต่อเนื่องจากรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้เรียบร้อย อีกทั้งมีพระราชดำริเสริมสร้างความมั่นคงของพระนครด้วยการสร้างป้อมปราการและตั้งเมืองหน้าด่าน ทรงบูรณปฏิสังขรณ์พระอารามน้อยใหญ่ทั้งในและนอกพระนครให้มั่นคงถาวร ส่วนการต่างประเทศ ทรงสมานไมตรีกับนานาประเทศเพื่อความวัฒนาของราชอาณาจักรสยาม นอกจากนี้ ยังทรงพระปรีชาสามารถด้านศิลปวัฒนธรรม งานวรรณกรรม งานประณีตศิลป์ และการฟื้นฟูพระราชพิธีทางพระพุทธศาสนา นับได้ว่าในรัชสมัยของพระองค์เป็นยุคทองของต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ด้วยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอเนกประการต่อพสกนิกรและประเทศชาติจวบจนปัจจุบัน และเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2367 ครบ 200 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กำหนดการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอภิลักขิตสมัยคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย บรรจบครบ 200 ปี