แม่ค้ากาแฟโบราณ โอดวัตถุดิบแอบขยับราคา แต่ต้องขายเท่าเดิม กลัวลูกค้าหนี
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจหลังจากที่จะมีการขึ้นราคากาแฟแต่ทางรัฐบาลนั้นก็ได้ทำการตรึงเอาไว้เมื่อวานนี้ เพราะเกรงว่าผู้บริโภคจะเดือดร้อน จากการสอบถาม นางสาวบุปผา ปิยะมงคง อายุ 53 ปี เจ้าของร้านกาแฟน้องแพรว ที่ขายกาแฟทั้งโบราณ และกาแฟสำเร็จรูปชงมาใส่ครีมเทียมและใส่นม และเมนูอีกหลากหลาย อยู่ที่ตลาดเกษตร หรือ ตลาดท่ารถ บ.ข.ส. อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี เปิดเผยว่า ในตอนนี้ข้าวของที่ซื้อมาขายนั้นแพงแบบสุดๆ แบบค่อยๆ ขยับขึ้นแบบไม่ให้รู้ตัว ที่ผ่านมานั้นใช้เวลาเพียง 1 เดือนกว่า ผงกาแฟสำเร็จรูป 1 ลัง มีกาแฟผง 18 ถุง จากเดิมราคา 1 ลัง เพียง 2,000 กว่าบาท มาในตอนนี้ลังละ 3,100 บาทเข้าไปแล้วยังไม่รวมผงกาแฟโบราณก็ขึ้นเช่นกัน จากถุงละ 250 บาท มาเป็น 420 บาทแล้ว
พอเวลาไปซื้อผงกาแฟเพื่อมาชงขายครั้งนึง ร้านขายก็จะบอกว่ามันขึ้นราคามาแบบเรื่อยๆ แล้วนะ เป็นแบบนี้เรื่อยมา แต่พอมาเมื่อวาน (วันที่ 4 กรกฎาคม 67) ทางรัฐบาลมีการประกาศว่าจะทำการตรึงราคาไว้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภค ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ขยับขึ้นมาก็ไม่เห็นจะพูดถึงเลย หรือเรียกได้ว่าขึ้นราคาแบบเงียบๆ มาตลอด จนมาถึงตอนนี้แล้วมองว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะตรึงไว้ เพราะมันก็ไม่เหมือนตรึงไว้จริงๆ ไม่เพียงแค่ผงกาแฟสำเร็จรูปเท่านั้น ที่ร้านกาแฟนั้นก็ต้องคู่กับไข่ลวก โดยที่นี่ใช้ไข่ไก่เบอร์ 2 จากเดิมราคาแผงละ 100 บาท ตอนนี้ราคาแผงละ 130 บาทเข้าไปแล้ว และยังไม่พอ นมข้นหวาน ผงครีมเทียม ที่ขายในตลาดก็ยังมีทีท่าว่าจะขึ้นราคามาอีกด้วย
นางสาวบุปผา กล่าวอีกว่า ถึงแม้ผงกาแฟจะขึ้นราคา ก็ขายราคาเดิม กาแฟร้อนแก้วละ 20 บาท กาแฟเย็น 25 บาท ส่วนไข่ลวกก็ฟองละ 10 บาท หากขึ้นราคาลูกค้าที่มานั่งกันประจำมาเป็น 10 กว่าปีตั้งแต่เปิดร้านมาหนีอย่างแน่นอน เพราะร้านกาแฟในตัวเมืองนั้นเยอะมาก เรียกได้ว่ามีคู่แข่งในการขายก็ว่าได้ หากไม่เอาใจลูกค้าก็จะไม่มีลูกค้าอย่างแน่นอน ในทุกวันนี้ยอบรับว่าการขายของไม่เหมือนในสมัยก่อน ซึ่งยังมีเงินเก็บบ้าง เอาไว้ใช้จ่ายหรือเป็นทุนในการซื้อของมาขายต่อไป ทุกวันนี้กำไรก็น้อยลงไป บางวันหากไม่มีลูกค้าก็แทบจะขาดทุนด้วยซ้ำ
เจ้าของร้านกาแฟน้องแพรว กล่าวด้วยว่า ไหนจะค่าแก๊สที่มีทีท่าจะขึ้นราคา แต่ห็ยังดีที่ตรึงราคาไว้ หากวันไหนตรึงไม่สำเร็จ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ และอยากฝากถึงทางรัฐบาลลงมาแก้ไขเรื่องปากท้อง เพราะเป็นปัญหาสำคัญต่อการดำรงค์ชีวิต ซึ่งร้านกาแฟของตัวเองนั้นก็เปิดมานานแล้วกว่า 10 ปี ยังคงมีลูกค้ามานั่งกินพูดคุยกันทุกเรื่อง และนับว่าเป็นมนตร์เสน่ห์ของร้านกาแฟแบบบ้านๆ ขายแบบเป็นกันเอง ซึ่งทุกวันนี้มีเพียงไม่กี่ร้านแล้ว โดยร้านที่เปิดใหม่ก็เป็นประเภทกาแฟสดที่ทันสมัยกว่า หรือเป็นร้านติดแอร์นั่นเอง และยังอยากที่จะอนุรักษ์ร้านของตัวเองไว้ให้นานเท่าที่จะทำได้อีกด้วย