ปอท.บุกทลายเครือข่าย แก๊งคอลฯ ระดับสั่งการ
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ห้องประชุม ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท.พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภานุภัท กิตติพันธ์ ผกก.1 บก.ปอท. พ.ต.ท.พรเสกข์ เชาวสันต์ สว.กก.1 บก.ปอท. ร.ต.อ.กษิดิศ ดิลกคุณานันท์ รอง สว.กก.1 บก.ปอท. นายวิทยา นีติธรรม ผอ.กองกฎหมาย และโฆษกประจำ ปปง. นายอนุรักษ์ บุญแสวง อดีตนายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) ดร.ปริญญา เธียรวร นักลงทุน ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ “ทลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ Lock Star
หลังนำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุด ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร เชียงราย นนทบุรี ปทุมธานี จนสามารถจับกุมกลุ่มองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเครือข่ายหลอกลงทุนออนไลน์ ไฮบริดสแกม (Hybrid Scam) ตั้งแต่ระดับหัวหน้าเครือข่ายที่มีหน้าที่ควบคุมสั่งการศูนย์ปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และคนที่ดูแลเรื่องฟอกเงิน
ได้รวมจำนวน 6 ราย ประกอบด้วย นายจีเว่ย เกา (MR.ZHIVEI GAO) สัญชาติจีน อายุ 29 ปี นายจู เฉิน (MR.JUE CHEN) สัญชาติจีน อายุ 28 ปี นายธนโชติ อายุ 33 ปี น.ส.ชณัฐธิษา อายุ 33 ปี นายศิวา อายุ 33 ปี และ น.ส.ชลดา อายุ 27 ปี ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ข้อหา “ร่วมกันอั้งยี่, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันหลอกลวงโดยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ, สมคบฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน” (Cryptocurrency) ผ่านเว็บไซต์ชื่อ Tidex ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่ปลอมขึ้นมาทั้งหมด อ้างให้ผลตอบแทนสูง จนมีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ
โดยแผนประทุษกรรมของกลุ่มคนร้ายจะหลอกให้ผู้เสียหายติดตั้งแอพพลิเคชั่นปลอมที่สร้างขึ้นมา ทั้งนี้เมื่อผู้เสียหายโอนเงินเข้ามาคนร้ายก็จะทำการอัพเดตยอดเหรียญดิจิทัลที่แสดงในแอพพลิเคชั่นทุกครั้งเพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนที่โอนเข้าไป ทำให้ดูน่าเชื่อถือหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าไปเพิ่มอีก
อย่างไรก็ตามเมื่อผู้เสียหายต้องการถอนเงินออกมา กลุ่มคนร้ายก็จะทำทีแจ้งว่าไม่สามารถทำได้ อ้างติดปัญหาเรื่องภาษี ก่อนหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าไปเพิ่มอีก ด้วยความที่อยากได้เงินกลับคืนจึงยอมทำตามกลายเป็นสูญเงินเพิ่มขึ้นไปอีก รวมยอดเงินที่โอนเข้าไปรวมกว่า 22.4 ล้านบาท”
พ.ต.อ.ภานุภัทกล่าวว่า หลังรับเรื่องจึงเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินคนร้ายกลุ่มนี้ ทราบว่า หลังเหยื่อโอนเงินเข้ามาคนร้ายก็จะนำเงินดังกล่าวไปซื้อเหรียญดิจิทัลแล้วโอนต่อไปยังกระเป๋าเหรียญดิจิทัลส่วนตัว หรือ Private wallet กว่า 20 กระเป๋า เพื่อเลี่ยงถูกตรวจสอบจากนั้นก็จะโอนเหรียญดิจิทัลไปรวมที่กระเป๋าเหรียญดิจิทัลกลางของคนร้าย ก่อนที่จะมีการเทขายเหรียญดิจิทัลเพื่อเปลี่ยนจากเหรียญดิจิทัลให้กลายเป็นเงินบาทไทย
แนวทางสืบสวนพบว่าคนร้ายกลุ่มนี้ทำกันในรูปแบบขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน ตั้งแต่หัวหน้า ทำหน้าที่สั่งการ, กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ ทำหน้าที่ติดต่อพูดคุยและหลอกลวงเหยื่อ, กลุ่มนายหน้า จัดหาบัญชีม้าและกระเป๋าวอลเล็ตม้า รวบรวมบัญชีต่างๆ นำไปมอบให้กับกลุ่มคอลเซ็นเตอร์, กลุ่มบัญชีม้าและกระเป๋าวอลเล็ตม้า ทำหน้าที่รับจ้างเปิดบัญชีและกระเป๋าเงินดิจิทัล และกลุ่มที่ทำหน้าที่ฟอกเงิน โดยนำเงินที่ได้มาจากการฉ้อโกงไปซื้อทรัพย์สินมีค่า และอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ
พ.ต.ท.พรเสกข์กล่าวว่า หลังสืบทราบพยานหลักฐานการกระทำผิดแน่ชัด จึงเร่งรวบรวมขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งคนจีนและคนไทย ที่เป็นกลุ่มระดับสั่งการ, ผู้บริหารดูแลเรื่องฟอกเงิน และรับผลประโยชน์ จำนวน 6 ราย จนนำมาสู่การตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย พร้อมตรวจยึดบ้านหรู 1 หลัง มูลค่ากว่า 12 ล้านบาท, รถยนต์ 2 คัน, รถจักรยานยนต์ 2 คัน, เงินสดกว่า 4 ล้านบาท, สร้อยคอทองคำ, นาฬิกาหรู, กระเป๋าแบรนเนมด์, คอมพิวเตอร์, โน้ตบุ๊ก, โทรศัพท์มือถือ และเหรียญดิจิทัลสกุลต่างๆ มูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ดังกล่าว