แอปดัง ประกาศปิด ไรเดอร์เครียดหนัก ต้องทุบกระปุกออมสินลูกมาใช้
จากกรณีเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทาง SCBX ได้ออกแถลงการณ์ แจ้งยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน "Robinhood" ซึ่งเป็นบริษัทภายใต้กลุ่ม SCBX มีผลตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. 67 เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป
หลังการประกาศยุติการให้บริการ เหล่าไรเดอร์หลายคนได้รับผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก เพราะบางคนมีครอบครัวที่ต้องดูแล และยังมีภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่าผ่อนรถ ค่าบ้าน ค่าเลี้ยงดูลูก ฯลฯ บางคนอายุเยอะแล้วไม่สามารถไปสมัครงานที่อื่นได้ การวิ่งไรเดอร์ส่งอาหารจึงเป็นทางเลือกเดียว หลังประกาศยุติการให้บริการ งานลดฮวบจากปกติวิ่งงานวันละ 16-20 รอบต่อวัน ได้ค่ารอบ 800-1,000 บาท ต่อวัน ทุกวันนี้เหลือเพียง 2-3 รอบ รายได้ไม่พอใช้จ่ายในครอบครัว ต้องเอาเงินเก็บออกมาใช้ บางคนต้องไปแงะกระปุกของลูกออกมาเพื่อนำมาใช้จ่ายในครอบครัว
นายพีรวิชญ์ อายุ 48 ปี อาชีพพนักงานไรเดอร์ค่ายโรบินฮู้ด ขับรถส่งอาหารมาแล้ว 4 ปี กล่าวว่า ตั้งแต่ตอนที่ทราบข่าวมาถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกขนลุกอยู่ ตนวิ่งงานให้กับแอปฯดังกล่าวตั้งแต่เขาเริ่มทำแรกๆ ในช่วงที่โควิด-19 กำลังระบาด จนถึงตอนนี้ประมาณ 4 ปี แล้ว ตนขอเป็นตัวแทนกลุ่มไรเดอร์ที่วิ่งอยู่ในเส้น บ้านกล้วย วัดลาดปลาดุก ไทรน้อย คลองถนน ทั้งหมด 4 เส้นทาง เริ่มวิ่งตั้งแต่ 08.00 -22.00 น. จากเมื่อก่อนรายได้ต่อวันไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท ทุกคนที่วิ่งจะมีรายได้ประมาณนี้กันทุกคน จนทุกวันนี้รายได้เหลือประมาณวันละ 400-500 บาท ซึ่งตนก็ต้องยอมรับว่าแอปของโรบินฮู้ดเป็นแอปที่ดี
ตอนนี้ตนก็ยังเสียใจอยู่และเชื่อว่าทุกคนยังทำใจไม่ได้ หลังจากการประกาศยุติการให้บริการ เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตนและเพื่อนๆก็ได้สอบถามไปยังทางแอดมินกลุ่มของโรบินฮู้ดถึงสาเหตุของการปิดแอปฯ แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบในเรื่องนี้กับตนได้ ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีสัญญาณอะไรบ่งบอกหรือมีการแจ้งเตือนใดๆให้กับทางไรเดอร์เลย สิ่งที่สำคัญและตนกับเพื่อนๆตั้งข้อสงสัยก็คือหลังมีประกาศยุติการให้บริการแล้ว วันนี้ (27 มิ.ย. 67) ยังมีการเปิดรับสมัครไรเดอร์เข้าไปอบรมและขายเสื้อกับกระเป๋าอยู่เลย ซึ่งตนกับเพื่อนๆยังคุยกันเลยว่าเขาไม่รู้หรอว่าจะปิดแอปฯวันที่ 31 ก.ค. นี้แล้ว
นายพีรวิชญ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทุกวันนี้ งานลดลงอย่างมากจากเมื่อก่อนปกติได้ 15-16 รอบต่อวัน ได้เงินค่ารอบ 800-1,000 บาท หลังประกาศมา ตนเหลืองานวิ่งวันละไม่ถึง 3 รอบ ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ 14.00 น.แล้ว มีงานให้แต่ตัวเดียว 40 บาท แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่ายในครอบครัว ไม่ใช่ตนคนเดียวที่เป็นแบบนี้ยังมีเพื่อนๆอีกหลายคนที่เขามีค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบ เขาไม่เคยมารับรู้ความรู้สึกของไรเดอร์เลย สภาพจิตใจเป็นยังไง ทุกคนต้องการอะไร ตอนนี้ลองถามทุกคนดูได้เงินประกัน 400 ที่เขาบอกว่าถ้าหากไรเดอร์เลิกวิ่งจะได้คืน ลองไปถามดูตอนนี้คงไม่มีใครอยากได้คืนหรอก เขาอยากได้งานกลับมาทำได้เหมือนเดิมมากกว่า
ตนมีภาระที่ต้องรับผิดชอบทั้งค่าเช่าบ้านเดือนละ 7,000 บาท ผ่อนรถอีก 2,500 บาท ไหนจะค่าไปเรียนของลูกอีก และค่ากินรายวันอีก ทุกวันนี้ตนต้องเอาเงินเก็บในกระปุกของลูกออกมาใช้จนจะหมดแล้ว ฝากทางผู้ใหญ่ช่วยพิจารณาหาทางออกให้พวกเราด้วย อย่าทำแบบนี้มันเหมือนเป็นการผลักภาระมาให้
นายศิริพงษ์ สหะเดช อายุ 41 ปี อาชีพ พนักงานไรเดอร์โรบินฮู้ด ขับมาแล้ว 4 ปี เช่นกัน กล่าวว่า หลังทราบเรื่องก็ตกใจ เพราะมันส่งผลกระทบหลายๆอย่าง ในเรื่องของค่าใช่จ่าย ทั้งในส่วนของการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ รวมไปถึงค่าเล่าเรียนของลูกอีก 2 คน รายได้หลักของครอบครัวก็มาจากการวิ่งไรเดอร์โดยรายได้เฉลี่ยต่อวันประมาณ 800-1,000 บาท
ส่วนตัวแล้วตนก็จะวิ่งแอปฯอื่นช่วยด้วย แต่รายได้หลักๆก็จะมาจากโรบินฮู้ด ก็รู้สึกเสียดายมากๆที่แอปฯดังกล่าวจะปิดตัวลง ก็ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไรจะจาดทุนหรืออะไรก็น่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่ปิดหนีไปเฉยๆ หรือจะลดค่าเที่ยวลงตนก็ยอมตอนนี้เพราะไม่มีใครเขาอยากตกงาน บางคนอายุเยอะแล้วจะไปสมัครงานหรือทำงานอื่นๆเขาก็ไม่ไหวกัน ด้วยอายุหรือเรี่ยวแรงในการทำงาน การขี่ไรเดอร์ก็เหมือนจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดให้กับคนเหล่านี้ หลังจากนี้ก็จะขอปรึกษาเพื่อนๆดูว่าเขาจะทำอะไรยังไงต่อไป ส่วนตัวมองว่าระยะเวลาแค่เดือนเดียวมันเร็วเกินไป หางานใหม่ไม่ทันหรอกก็อยากจะให้ทบทวนดูอีกทีเผื่อจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ สงสารเพื่อนๆรวมอาชีพอีกหลายคนที่ต้องมาเจอแบบนี้
ด้านนายอนุสรณ์ อายุ 34 ปี เจ้าของร้านร้านเจ๊นาอาหารตามสั่ง เปิดร้านมาแล้ว 4 ปี กล่าวว่า หลังประกาศปิดตัวแอปฯดังกล่าว ที่ร้านก็ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ในเรื่องของยอดขายที่ตกลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งที่ผ่านมาทางร้านก็ได้รับออเดอร์จากแอพฯดังกล่าวค่อนข้างมาก มีรายได้ต่อวันเกือบพันบาทเฉพาะแอปฯนี้ แอปฯเดียวนะ พอทราบข่าวตนก็ตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะปิดตัวเพราะพนักงานของเขาดีมากไม่เคยมีปัญหาเวลาเข้ามารับออเดอร์เลย พอประกาศปิดตัวก็มีไรเดอร์เข้ามาบ่นให้ฟังอยู่บ่อยๆ ว่าอีกหน่อยก็ไม่มีงานวิ่งแล้ว ส่วนตัวคิดว่าไม่ควรปิดการให้บริการของแอปฯดังกล่าว เพราะคิดว่าน่สจะยังดำเนินการไปได้อยู่ และการปิดการให้บริการในครั้งนี้ส่งผลกระทบไปถึงหลายๆคนทั้งตัวไรเดอร์เองและผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆอีกด้วย