จากกรณี ทนายเจมส์ พาครอบครัวของน้องสไปรท์ แร็พเปอร์หนุ่มเด็กแปดริ้ว มาที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรานัดแรก เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2567 เพื่อนัดเจรจาไกล่เกลี่ย หลังเจ้าของค่ายเดิมเรียก 14 ล้าน แต่การเจรจายังไม่เป็นผล

ขณะที่พ่อของน้องสไปรท์ เผยหลังเจรจามองว่าไม่เป็นธรรมถึงแม้จะลดลงมาเหลือ 50 เปอร์เซ็นต์ คือ 7 ล้านบาท เพราะรายได้ของน้องที่ได้มาทั้งหมดไม่ได้เข้ากระเป๋าน้องหรือพ่อแม่เลย แต่เข้าที่ช่องหรือต้นสังกัดใหม่ที่น้องไปประกวด น้องได้แค่ค่าน้ำมันที่น้องไปเข้าประกวดแค่นั้นเอง

โดยเรื่องต้นสังกัดเก่า ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่ฟ้องนั้น เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 61 หลังน้องออกรายการซูเปอร์เทน ร้องเพลง กะเลิฟคือเก่า จนเริ่มมีชื่อเสียงมียอดคนดูเพลงนี้ประมาณ 60 ล้านวิว ต้นสังกัดเก่าของน้องที่อยู่ จ.นครสวรรค์ ได้ติดต่อพูดคุยและเซ็นสัญญากัน ที่ จ.สระแก้ว ระยะเวลา 6 ปี

พาน้องออกแต่ละงานได้เพียงแค่ค่าน้ำมันรถ 1,000-2,000 บาท มาโดยตลอด ครอบครัวต้องแบกรับภาระค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าโรงแรมเองทั้งหมด จนเหลือแหวนทองวงสุดท้าย ได้คุยกับลูกและครอบครัวว่าคงต้องหยุด จึงติดต่อไปเพื่อขอยกเลิกสัญญา

แต่ทางต้นสังกัดเก่าอ้างว่าอยู่ต่างประเทศ หรือติดงาน ยังไม่สะดวกในการมาเซ็นยกเลิกสัญญา พ่อจึงพิมพ์เป็นลายลักษณ์อักษร เอาไว้ในข้อความเฟซบุ๊ก เพื่อแสดงเจตนารมณ์เดิม

ตอนนั้นที่บ้านยังลำบาก น้ำท่วมบ้าน สถานการณ์โควิด ก็ไม่เคยได้รับการติดต่อจากต้นสังกัดเดิมว่าจะมาให้การช่วยเหลือย่างไร จนน้องได้มีโอกาสกลับมาทำเพลงใหม่ ด้วยผลงาน เพลงทน มียอดวิวสูงถึง 420,000,000 วิว ติดอันดับ 89 ในชาร์ต Billboard Globa ทำให้มีชื่อเสียง ไม่เข้าใจว่า ต้นสังกัดเก่าต้องการฟ้องร้องน้องเพื่ออะไร และเหตุผลอะไร