แก๊งโจรขโมย จยย. ก่อนไปโผล่ร้านรถมือสอง อ้างอยากได้ต้องไถ่คืน ท้าให้ไปแจ้งตำรวจ
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.67 นายสมชาย อายุ 45 ปี ร้องสื่อ รถจักรยานยนต์ของลูกชายถูกโจรขโมยไป ก่อนโจรจะให้ผู้หญิงติดต่อมาออกอุบายว่า รู้จักร้านรับซื้อรถของลูกชายไป จึงแอดไลน์พูดคุย ตกลงเรียกค่าไถ่ซื้อรถของตนคืนในราคา 15,000 บาท
แต่ตนเริ่มเอะใจ เพราะกลัวโอนเงินไปจะไม่ได้รถกลับคืน เสียทั้งเงินเสียทั้งรถ จึงขอวีดีโอคลอดูรถ ทำให้โจรรายนี้โมโหตัดการสนทนา พร้อมท้าตนว่าให้ไปแจ้งตำรวจได้เลย เพราะตำรวจจับโจรรายนี้ไม่ได้หรอก ผู้เสียหายจึงนำภาพจากกล้องวงจรปิดและข้อความที่สนทนา มาให้ผู้สื่อข่าวดู เพื่อช่วยกระจายข่าวหาเบาะแสของกลุ่มโจรรายนี้
บ้านผู้เสียหายอยู่ที่ ต.คลองอุดมชลจร อ.เมืองฉะเชิงเทรา เพื่อพบกับนายสมชาย ผู้เสียหาย และนายรัตนชัย อายุ 16 ปี ลูกชาย
นายสมชาย เปิดเผยว่า รถคันนี้เป็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า PCX สีแดง หมายเลขทะเบียน 1 กว1242 ฉะเชิงเทรา ซึ่งตนซื้อให้ลูกชายใช้ขี่ไปโรงเรียน โดยลูกชายจะทำงานรับจ้างตัดหญ้า จับปลาบริเวณแถวบ้าน เพื่อนำเงินมาจ่ายค่างวดรถ งวดละ 3,700 บาท
โดยลูกชายผ่อนมาแล้วจำนวน 6 งวด ซึ่งวันเกิดเหตุคือวันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน 2567 ลูกชายก็ขี่รถจักรยานยนต์ ไปจอดไว้ที่ลานจอดรถริมกำแพงวัด ปิตุลาธิราชรังสฤษฏิ์ (วัดเมือง) ต.หน้าเมือง อ.เมืองฉะเชิงเทรา
ก่อนจะเดินข้ามฝั่งมายังวิทยาลัยอาชีวศึกษาเข้าเรียนตามปกติ พอเลิกเรียนช่วงเย็นกำลังจะกลับบ้าน เมื่อมาถึงที่จอดรถไว้กลับไม่พบรถจอดอยู่ จึงมั่นใจแล้วว่ารถจักรยานยนต์หายไป จึงโทรศัพท์มาหาตนและพากันเดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา
จากนั้นเมื่อกลับมาถึงบ้าน น.ส.สมสิริ อายุ 26 ปี ลูกสาวของตน นำรูปรถไปโพสต์กลุ่มข่าวท้องถิ่น ตามหาเบาะแสของคนร้ายที่ขโมยรถของน้องชายไป ไม่นานนักช่วงหัวค่ำ มีเฟซบุ๊กรายหนึ่งส่งข้อความมาหาลูกสาว แสดงตัวเป็นผู้หวังดีว่าเห็นรถคันดังกล่าวที่โพสต์ ถูกนำไปขายที่ร้านรับซื้อรถมือสองแถว อ.บางน้ำเปรี้ยว ทำทีท่าว่าไม่รู้จักร้านเป็นการส่วนตัว แต่จะช่วยหาข้อมูลติดต่อร้านดังกล่าวให้
ก่อนจะส่งบาร์โค้ดของร้านดังกล่าวให้ลูกสาว เมื่อลูกสาวได้บาร์โค้ด นั้นมาจึงแสกนแอดไลน์เข้าไป พบว่าหน้าโปรไฟล์ ระบุชื่อ ร้านซื้อ-ขาย จำนำรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ลูกสาวจึงติดต่อเข้าไปสอบถามหลังจากพูดคุย โจรบอกว่าตอนนี้อยู่ข้างนอก เดี๋ยวกลับไปจะไปดูที่ร้านให้ ว่ามีคนนำมาขายหรือเปล่า
โดยให้ตนทิ้งทะเบียนและรูปพรรณของรถไว้เป็นภาพถ่าย ไม่นานนักโจรกลุ่มนี้โทรกลับมาทางแอพพิเคชั่นไลน์ รอบนี้เป็นผู้ชายบอกว่า ที่ร้านรับซื้อรถจักรยานยนต์คันนี้ไว้ พร้อมบอกเลขตัวถังรถ และชื่อผู้ครอบครองได้อย่างถูกต้อง
ตนจึงมั่นใจว่ารถจักรยานยนต์ของลูกชายอยู่ที่ร้านนี้จริง จึงพูดคุยตกลงกันเพื่อขอรถคืน แต่ปลายสายที่เป็นโจรกลับไม่ให้ โดยอ้างว่ารับซื้อรถคันนี้มาอีกที จำเป็นที่ตนต้องนำเงินไปจ่ายค่าไถ่รถของตน ในราคา 15,000 บาท ตอนนั้นตนรู้สึกสงสารลูกชายมาก เพราะเป็นเด็กดีขยันทำงานหาเงินผ่อนรถด้วยตนเอง จึงตอบตกลงและนัดรับรถกันที่ตลาดในอำเภอบางน้ำเปรี้ยววันถัดไป
พอถึงเวลานัดหมาย ซึ่งตนก็ไม่มั่นใจอยู่แล้วว่า หากโอนเงินไปจะได้รถของลูกชายกลับคืนไหม จึงโทรไลน์ติดต่อกลับไป บอกว่าตอนนี้มาถึงจุดนัดหมายแล้ว แต่ขาดเงินอีก 4,000 บาท ซึ่งญาติกำลังจะนำเงินมาให้ แต่ขอดูสติ๊กเกอร์หน้ารถจักรยานยนต์ของลูกชาย เพื่อให้มั่นใจว่ารถจักรยานยนต์ยังคงอยู่ และอยู่ในสภาพเดิม ทำให้โจรรายนี้ไม่พอใจ หาว่าตนเองตุกติก และก่อนจะวางสายก็ท้าให้ตนไปแจ้งตำรวจได้เลย เพราะตำรวจก็จับพวกตนไม่ได้หรอก ก่อนจะตัดสายไปและติดต่อกันไม่ได้อีกเลย
ผมมั่นใจว่าหญิงที่ติดต่อมาหาลูกสาวตอนแรก และชายที่บอกว่าเป็นเจ้าของร้านรับซื้อรถ น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน และทำงานกันเป็นทีม เพื่อหลอกเอาเงินสดของผม และก็คงไม่คืนรถจักรยานยนต์กลับมา อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี ไม่ให้ไปตระเวนก่อเหตุกับรถคนอื่นอีก นายสมชาย กล่าว
ด้าน นายรัตนชัย ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า หลังเลิกเรียนเดินมาลานจอดรถ พอไม่พบรถก็มั่นใจแล้วว่ารถจักรยานยนต์ของตนถูกโจรขโมยไป แต่ที่ตนสงสัยหลังเห็นภาพวงจรปิด คือโจรรายนี้สามารถขี่รถจักรยานยนต์ ของตนเองไปได้เลย
ทั้งๆที่รีโมทกุญแจรถยังอยู่กับตน ไม่เคยนำรถไปล้างร้านหรือทิ้งกุญแจไว้ไหน และก็ไม่เคยให้เพื่อนยืม จึงแปลกใจว่าทำไมโจรถึงขโมยรถจักรยานยนต์ไปได้ง่ายแบบนี้ ยอมรับว่าเสียดายรถมาก เพราะเป็นเงินที่ตนทำงานเพื่อผ่อนและเป็นรถจักรยานยนต์คันแรก