ตะวันฉาย คว้าชัยหืดจับ ชนะคะแนน โจ ณัฐวุฒิ ป้องแชมป์โลก ONE มวยไทย สมัย 3
ศึก ONE 167: ตะวันฉาย vs โจ II ที่อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.67 คู่เอกชูโรง ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (145 - 155 ป.) กลับมาป้องกันเข็มขัดครั้งที่ 3 เผชิญหน้ากับผู้ท้าชิงอันดับ 3 ของแรงกิ้ง โจ ณัฐวุฒิ คู่ปรับเก่าที่เคยปะทะเดือดกันมาแล้วในกติกาคิกบ็อกซิ่งเมื่อเดือนตุลาคม ปีก่อน
ยกแรกทั้งคู่ยังดูเชิงไม่ผลีผลามกันมากนัก โดยอาศัยชิงจังหวะออกแข้ง และปล่อยหมัดเข้าใส่กันตามโอกาส
ยกสอง ตะวันฉาย หาจังหวะสาดแข้งซ้าย พร้อมหมัดซ้าย เข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ โจ ณัฐวุฒิ ป้องกันด้วยการโยกหลบ และปล่อยแข้งขวาคืนบ้างเหมือนกัน ก่อนที่ช่วงท้าย โจ จะออกหมัดเข้าหน้า ตะวันฉาย อย่างจัง
เข้าสู่ยกสาม โจ ณัฐวุฒิ ดูได้ใจ ออกหมัดชุด และแข้งขวาเข้าพับในตะวันฉาย ได้หลายดอก จนทำให้ตาซ้ายของ ตะวันฉาย บวมจนเกือบปิด อย่างไรก็ตาม ตะวันฉาย ก็พยายามเร่งมาเอาคืนช่วงท้ายยก อยู่เหมือนกัน
ต่อที่ยก 4 ตะวันฉาย เร่งบุกสาดอาวุธเข้าใส่ตั้งแต่เริ่ม ทั้งแข้งซ้าย และสับศอก ขณะที่ โจ ใช้วิธีรอจังหวะสอง คอยสวนคืน จบยกนี้ทั้งคู่สู้กันสุดมัน
ยกสุดท้าย ทั้งคู่ยังไม่มีหมด ออกมาแลกกันชนิดไม่มีใครยอมใคร ตะวันฉาย อาศัยแข้งซ้ายอาวุธเก่งของตัวเอง ส่วน โจ ก็รอจังหวะปล่อยหมัดชุด ก่อนครบ 5 ยก กรรมการชูมือให้ ตะวันฉาย เอาชนะคะแนน ป้องกันแชมป์ไว้ได้เป็นสมัยที่ 3
อีกคู่ไฮไลต์ที่ได้รับความสนใจ เป็นการกลับมาขึ้นชกในรอบ 9 เดือนของ “ดิไอรอนแมน” รถถัง จิตรเมืองนนท์ ราชันมวยไทย รุ่นฟลายเวต (125 – 135 ป.) ลงดวลกับ เดนิส พูริช ในกติกาคิกบ็อกซิ่ง
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ในพิธีชั่งน้ำหนัก รถถัง จิตรเมืองนนท์ ทำน้ำหนักไม่ได้ตามกำหนด เกิน 3.5 ปอนด์ ก่อนจะมีการเจรจากันซึ่งรถถัง ออกมาขอโทษ และยอมจ่ายค่าชดเชยให้กับ เดนิส เพื่อชกกันในพิกัด แคตช์เวต หรือ 141.25 ปอนด์ ตามกติกาคิกบ็อกซิ่ง
เริ่มชกยกแรก รถถัง ที่สปีดหมัดดีกว่า สาดอาวุธเข้าใส่ พูริช แบบไม่ยั้ง ทำให้ พูริช เริ่มมีรอยแตกที่บริเวณแก้ม และโงนเงนในช่วงท้ายยก ซึ่ง รถถัง เห็นดังนั้นก็พยายามเร่งเครื่องปิดเกม แต่สุดท้ายมีเสียงระฆังช่วยไว้ก่อน
เข้าสู่ยกสอง รถถัง ยังเดินหน้าออกหมัดบวกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ขณะ พูริช เองก็ปักหลักสู้ไม่ถอยเช่นกัน ทำให้จบยกนี้ทั้งคู่แลกกันสนุก
ต่อที่ยกสามทั้งคู่ยังเดินหน้าแลกกันสนุก โดยรถถัง งัดอาวุธมาประเคนใส่ พูริช แบบครบเครื่อง ทั้งตัดลำตัว และใบหน้า ก่อนจะครบ 3 ยก กรรมการจะชูมือให้ รถถัง จิตรเมืองนนท์ ชนะคะแนนไปแบบสะใจ
หลังการชก รถถัง ได้ร่ำไห้ พร้อมระบายเกี่ยวประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องน้ำหนักเกินว่า ก่อนอื่นผมขอระบาย ผมไม่ได้ชกมวยมาเกือบปี น้ำหนักผมก็เกินมาเยอะ เพราะผมรักษามือขยับไม่ได้ คนนอกอาจไม่รู้ เพราะผมปิดบังมาโดยตลอด ก่อนผมมาชกวันนี้ ตั้งแต่ผลน้ำหนักออก ผมเจอดราม่าเยอะมาก ผมเต็มที่ ผมอยากชกมวยมาก แต่ผมมีอาการบาดเจ็บ พอเจอดราม่า ผมท้อมาก ผมรู้สึกกัดดัน ถ้าแพ้วันนี้ผมจะยืนบนเวทีนี้ต่อไปได้หรือเปล่าไม่รู้ แต่วันนี้ผมทำสำเร็จแล้ว ขอขอบคุณทุกคนที่รักและชื่นชมผม