บริษัทดัง ปิดบริษัทหนี ลอยแพไม่จ่ายค่าจ้าง
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา ที่บริเวณหอนาฬิกา สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา กลุ่มผู้รับจ้างขนส่งพัสดุกว่า 10 คน ได้นัดรวมตัวกันเพื่อที่จะเข้าแจ้งความเอาผิดกับบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง หลังจากตกเป็นผู้เสียหายเนื่องจากทางบริษัทขนส่งดังกล่าวไม่ยอมจ่ายค่าจ้างในการขนส่ง ซึ่งหลังจากรวมตัวกันแล้วทางกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมดได้เดินทางพร้อมหอบหลักฐานต่างๆ ไปยังสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เพื่อเข้าแจ้งความเอาผิดกับบริษัทขนส่งรายดังกล่าว
ซึ่งจากการสอบถามบรรดาผู้เสียหายทราบว่า บริษัทที่เป็นคู่กรณีนั้นชื่อย่อ ท. ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้ทำสัญญากับบริษัทดังระดับประเทศในการขนส่งพัสดุ โดยทางบริษัท ท. ได้รับออเดอร์จากทางบริษัทใหญ่อีกที ก่อนที่ทางบริษัท ท. นั้นจะมีการจ้างงานกับผู้ขนส่งรายย่อยอีกต่อหนึ่ง จนกระทั่งช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทางกลุ่มผู้รับจ้างขนส่งได้มีการทวงถามเงินค่าจ้างกับทางบริษัทแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบว่าจะจ่ายให้เมื่อไร
จนล่าสุดบริษัท ท.ได้ปิดที่ทำการบริษัทที่ตำบลจอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ไปแล้วพร้อมกับไม่รับสายจากกลุ่มผู้รับจ้าง ซึ่งบางรายนั้นโดนบล็อคไลน์ไปเลยก็มี
จากการสอบถามผู้เสียหายยังพบข้อมูลอีกว่าบริษัท ท.นั้น มีพฤติกรรมในลักษณะนี้มาก่อนแล้วในหลายจังหวัด ทั้งบริเวณภาคอีสานและภาคกลาง ทำให้ผู้เสียหายที่มาร่วมกันแจ้งความในครั้งนี้ มีทั้งที่มาจากทางภาคกลางอย่างจังหวัดนครปฐม และผู้เสียหายทางภาคอีสานอีกหลายจังหวัด เช่น นครราชสีมา ชัยภูมิ สุรินท์ บุรีรัมย์ ศีรษะเกษ ขอนแก่นรวมไปถึงจังหวัดร้อยเอ็ดอีกด้วย ซึ่งคาดว่าผู้เสียหายที่ไม่ได้รับเงินค่าจ้างนั้นรวม ๆแล้วน่าจะมีกว่า 100 ราย ที่โดนบริษัท ท. เบี้ยวไม่ยอมจ่ายค่าจ้าง ซึ่งรวมเงินที่ผู้เสียหายควรจะได้รับจากบริษัท ท.นั้นมีมูลค่าเงินกว่า 10 ล้านบาท และคาดว่าน่าจะมีเพิ่มมากกว่านี้
โดย น.ส.จุฑารัตน์ อายุ 27 ปี ผู้เสียหายจากจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ตนนั้นได้เริ่มทำงานกับทางบริษัท ท.ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยใช้รถ 6 ล้อ ในการวิ่งงานซึ่งทางบริษัทต้องจ่ายเงินค่าจ้างวิ่งงานให้กับตนเดือนละ 52,000 บาท แต่ทางบริษัทกลับจ่ายให้กับตนเพียง 1 หมื่นบาท จนถึงเดือนมีนาคม 2567 รวมเป็นเงิน 3 หมื่นบาท จนกระทั่งปลายเดือนมีนาคม 2567 ก็โอนเพิ่มมาอีก 2 หมื่นบาท
ซึ่งตนก็ทวงถามเรื่อยมาแต่ทางบริษัทก็มีหนังสือขอเลื่อนการจ่ายเงินค่าจ้างเรื่อยมา ตอนนั้นตนก็ไม่รู้สึกแปลกใจ หรือสงสัย เพราะทางบริษัทก็โอนเงินให้ตลอดถึงแม้จะไม่เต็มจำนวนค่าจ้างทั้งหมด ซึ่งในระหว่างนั้นตนไม่รู้ว่าทางบริษัทได้ทำการปลดตน และผู้รับจ้างในพื้นที่ออกจากการวิ่งขนส่งพัสดุแล้ว ซึ่งในรอบแรกที่มีการปลดออกนั้นมีผู้เสียหายรวมแล้วกว่า 30-40 ราย จำนวนเงินกว่า 6 ล้านบาท
ขณะเดียวกันทาง นายสมาน อายุ 59 ปี ผู้เสียหายจากจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเริ่มมาประมาณ 3-4 เดือน ที่ทางบริษัททับทิมทองเริ่มจ่ายเงินช้ากว่ากำหนด จนมาในเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งจะต้องจ่ายค่าจ้างของเดือนเมษายน ซึ่งเงินจะออกไม่เกินวันที่ 15 พฤษภาคม ทางบริษัท ท. ก็ไม่มีการโอนเงินค่าจ้างดังกล่าวหลังจากครบกำหนดแล้ว ตนก็ได้มีการติดต่อไปยังบริษัท ทางบริษัทเองก็ผัดผ่อนเรื่อยมาจนกระทั่งในวันที่ 31 พ.ค.
ตนจึงได้มีการสอบถามไปยังบริษัทระดับประเทศ ซึ่งเป็นบริษัทคู่สัญญาที่ว่าจ้างบริษัท ท. ทราบว่าทางบริษัทระดับประเทศ ได้มีการจ่ายเงินค่าจ้างขนส่งพัสดุมาให้ทางบริษัท ท.แล้ว ซึ่งในช่วงเย็นวันที่ 31 พ.ค.หลังจากทราบว่าทางบริษัทระดับประเทศได้มีการจ่ายเงินค่าจ้างขนส่งพัสดุมาให้ทางบริษัท ท.แล้ว ตนจึงพยายามติดต่อไปยังบริษัท ท.อีกครั้ง แต่ก็ไม่มีการตอบรับทั้งทางโทรศัพท์และทางไลน์ ซึ่งตนก็ให้เพื่อนเข้าไปดูที่ทำการบริษัทพบว่าบริษัทได้ปิดที่ทำการที่ตำบลจอหอไปแล้ว
ตอนนั้นจึงรู้ว่าถูกโกงไม่ยอมจ่ายค่าจ้างแล้วแน่นอน และนอกจากตนแล้วในกลุ่มผู้เสียหายกลุ่มที่ 2 ที่มีการรวมตัวกันนั้น ยังมีอีกหลายรายที่ได้รับความเดือดร้อน บางรายนั้นก็ได้ทำการซื้อรถใหม่เพื่อจะมาวิ่งขนส่งพัสดุแต่กลับถูกโกงไม่ยอมจ่ายค่าจ้าง ทำให้บางรายนั้นก็ต้องคืนรถไปก็มี สำหรับบางรายนั้นถูกโกงค่าจ้างไปเกือบ 1 ล้านบาทก็มี สำหรับค่าจ้างของตนที่จะต้องได้รับประมาณ 1 แสนกว่าบาท
ซึ่งหลังจากนี้ตนคิดว่าถึงแม้จะแจ้งความไปแล้วแต่ก็คิดว่าเงินคงไม่ได้แน่นอน แต่อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้นดำเนินการปิดกิจการของบริษัท ท.เสีย จะได้ไม่ต้องไปหลอกใครอีกในประเทศนี้