ลูกผัวสะอื้น เมียงมหอยลำพังในหนองน้ำ ถูกตาข่ายดักปลาพันร่างดับ

ลูกผัวสะอื้น เมียงมหอยลำพังในหนองน้ำ ถูกตาข่ายดักปลาพันร่างดับ

เมื่อเวลา 12.00 น วันที่ 1 มิถุนายน พ.ต.ต.เปรม เตรียมตัว สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุคนจมน้ำเสียชีวิตที่หนองบ้านถิ่น บ.สามพร้าว ม.2 ต.สามพร้าว อ.เมืองอุดรธานี จึงออกไปตรวจสอบ พร้อมด้วยตำรวจชุมชนตำบลสามพร้าว แพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี กู้ชีพ อบต.สามพร้าว อาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน โดยมีสามี ญาติ และเพื่อนบ้านต่างพากันมาจับกลุ่ม เฝ้าดูเหตุการณ์การนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาจากหนองน้ำ

ที่เกิดเหตุเป็นหนองน้ำสาธารณะขนาดใหญ่ประมาณ 150 ไร่ ที่บริเวณร่องน้ำริมตลิ่งลึกประมาณ 2 – 3 เมตร ในน้ำพบศพ น.ส.สาวะดี พุธผาย หรือนุ้ย อายุ 51 ปี สภาพศพคว่ำหน้าจมอยู่ในน้ำ มีกะละมังพลาสติกสีส้ม คว่ำปิดร่างอยู่ ชุดกู้ภัยทางน้ำ 3 นาย ติดตั้งอุปกรณ์ดำน้ำ ก่อนลงไปงมศพขึ้นมา พบว่ามีตาข่ายดักปลาพันอยู่ตามร่างกาย ต้องใช้มีดตัดตาข่ายออก จึงสามารถนำศพขึ้นมาได้ ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของสามี เมื่อเห็นร่างของภรรยาบนฝั่ง

นายวันเพ็ญ โพธิ์จันทร์ หรือช้าง อายุ 52 ปี สามีผู้ตาย เล่าว่า ภรรยาเป็นแม่หม้ายสามีตาย มีลูกสาวติด 3 คน มาอยู่กินกับตนได้ประมาณ 4 ปี อาศัยที่กระท่อมนาของตนเองห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 300 เมตร ภรรยามีโรคประจำตัวหลายอย่าง หลักๆเป็นเบาหวาน ความดัน เวลา 21.00 น. วานนี้ภรรยาออกมางมหอยเชอรี่ ตนตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำ เวลา 23.00 น. ก็ยังไม่เห็นภรรยากลับมา น้องชายตนที่ไปหาหอยด้วยกัน ก็ตามหาแล้ว 2 รอบ แต่ไม่เห็นภรรยากลับมาบ้าน ไม่รู้ว่าหายตัวไปไหน เพราะเวลาหาหอยก็ต่างคนต่างหาคนละมุมของหนองน้ำ ตนและญาติพากันเรียกหาก็ไม่มีเสียงตอบรับ

กระทั่งเช้าวันนี้ ประมาณ 09.00 น. จึงพากันค้นหาอีกครั้ง ก็พบภรรยาจมน้ำเสียชีวิต มั่นใจว่าเป็นภรรยาตน เพราะจำรองเท้าได้ สาเหตุการจมน้ำคาดว่าภรรยาวูบด้วยโรคประจำตัวหลายโรค ส่วนตนก็ไม่กล้าลงน้ำ เพราะมีโรคประจำตัวเหมือนกัน และกลัววูบจมน้ำ เคยห้ามภรรยาว่าอย่าลงน้ำไปหาหอยอีกเลย เพราะกลัวภรรยาจะจมน้ำ แต่ภรรยาก็ไม่ยอมฟัง และชอบมาหางมหอยตอนกลางคืนทุกวัน ตนเสียใจมากที่ห้ามภรรยาไม่ฟัง สุดท้ายก็มาจมน้ำเสียชีวิตแบบนี้”

นายเด่น โพธิ์จันทร์ อายุ 47 ปี น้องชายสามีผู้ตาย ที่มาหาไต้หอยด้วยกัน เล่าว่า ตนและพี่สะใภ้ จะมาไต้หอย หรืองมหอยที่หนองน้ำแห่งนี้แทบทุกคืน เพื่อนำไปทำอาหารกินและขาย พอมาถึงก็ต่างคนต่างหาคนละฝากคนละมุมหนองน้ำ ตนเอาหอยมาเทใส่ถังกลับบ้าน 2 รอบ ก็ยังไม่เห็นพี่สะใภ้ขึ้นมา และไม่เห็นแสงไฟพี่สะใภ้ด้วย หาหอยจนถึงเที่ยงคืนแบตเตอรี่โคมไฟของตนหมด จึงกลับบ้านไปชาร์ต และกลับมาร้องเรียกและเดินตามหาก็ไม่มีเสียตอบ จนแบตเตอรี่โคมไฟของตนหมดก็ยังไม่พบตัว จึงกลับบ้านไปบอกพี่ชายว่าไม่รู้ว่าพี่สะใภ้หายตัวไปไหน กระทั่งมาพบจมน้ำเสียชีวิต คาดว่าแกคงวูบ เพราะมีโรคประจำตัว และแกก็ไม่เคยพูดเป็นลางร้ายก่อนตายแต่อย่างใด

ต่อมา น.ส.น้ำ อายุ 19 ปี ลูกสาวผู้ตาย ได้เดินทางมาดูศพแม่ เมื่อมาถึงได้นั่งคุกเข่าร้องไห้ต่อหน้าศพแม่อย่างน่าเวทนา ก่อนเล่าให้ฟังว่า มีพี่น้อง 3 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด ตนเป็นคนสุดท้อง พี่คนโตทำงานอยู่ กทม. คนกลางอยู่ญี่ปุ่น พี่ทราบเรื่องแม่แล้ว ทุกคนเสียใจมาก พ่อแท้ๆเสียชีวิตไปนานแล้ว แม่ย้ายมาอยู่ที่กระท่อมนากับพ่อเลี้ยง ตนก็แยกออกมาเช่าห้องอยู่ ทำงานอยู่ในตัวเมืองอุดรฯ อาทิตย์ที่แล้วตนมาหาแม่ที่กระท่อมนา นัดกันว่าจะมาจัดงานวัดเกิดตัวเองที่บ้านพ่อหลังเก่าใน บ.สามพร้าว วันที่ 24 เดือนนี้ แต่แม่ก็มาจากไปเสียก่อน และไม่ติดใจในการตายของแม่ เมื่อวานมีเรื่องแปลกใจว่าอยู่ดีดี ก็นึกตามหาเฟซบุ๊กพี่สาวคนโต ไม่รู้ว่าจะเรื่องบังเอิญหรือไม่

นายจอมใจ หาสอดส่อง ผญบ.บ้านสามพร้าว ม.2 เล่าว่า คนตายเป็นคนใต้ เป็นคน จ.กระบี่ มีครอบครัวแรกที่ บ.สามพร้าว สามีตายไปก่อนหน้าหลายปี จนทั้งคู่มาคบหากัน ตอนแรกที่ทั้งคู่มาอยู่กินกัน ก็มีเรื่องทะเลาะกันบ้าง แต่ก็เห็นกลับมารักกันดี สามีป่วยก่อนเคยวูบหมดสติมาแล้ว จึงไม่ได้ทำงานหนักอะไร ภรรยาเองก็มาป่วยตาม แต่ยังออกมาหางมหอยเพื่อหาเลี้ยงตัวเองและสามีอยู่ สามีก็เคยห้ามแต่ภรรยาก็ยังออกมาหางมหอยอยู่ตลอด กระท่อมนาของทั้งคู่ก็จะมีเพื่อนแวะเวียนมาดื่มเหล้ากันประจำ สามีภรรยาคู่นี้ก็จะร่วมวงดื่มกันเป็นประจำ

เบื้องต้นตำรวจระบุว่า ตามร่างกายไม่มีร่องการถูกทำร้าย บริเวณใกล้เคียงไม่มีร่องรอยการต่อสู้ คาดว่าระหว่างลงไปงมหอย ร่างผู้ตายได้ไปเกี่ยวตาข่ายดักปลา ที่ชาวบ้านได้วางดักไว้ในน้ำ แต่ผู้ตายไม่เห็น เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน เมื่อตาข่ายพันร่างจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และไม่มีคนพบเห็น จึงจมน้ำเสียชีวิต ญาติไม่ติดใจสาเหตุการตาย จึงมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ