จากกรณีมีคลิปชายหัวโล้นอมนกเขาว่อนโซเชียลจนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กว้างขวาง เนื่องจากบุคคลในภาพหน้าคล้ายกับพระชื่อดัง ระดับ พระครู หรือ พระมหา และยังเป็น เจ้าอาวาสวัดป่าในพื้นที่ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งหลังเกิดเรื่องไม่พบตัวพระที่หน้าคล้ายชายในคลิปที่วัดป่าดังกล่าว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ที่วัดกลางพระอารามหลวง จ.กาฬสินธุ์ นายสยามพัชร์ ทิพสอน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยรอง ผอ.พศจ.กาฬสินธุ์ เข้ารายงานให้กับ พระครูจันทธรรมมานุวัตร รองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ เจ้าอาวาสวัดห้วยสีทน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะประธานปกครองฝ่ายสงฆ์ จ.กาฬสินธุ์ และ พระครูปัญญามัชฌิมานุกูล ดร.รองเจ้าคณะอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อหารือแนวทางการดำเนินการตามวินัยสงฆ์

นายสยามพัชร์กล่าวว่า สำนักพระพุทธศาสนา จ.กาฬสินธุ์ ทราบเรื่องแล้ว พร้อมรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาในระดับจังหวัด รวมทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นอกจากนี้ ยังดำเนินการสนองงานคณะสงฆ์ โดยแจ้งเรื่องไปยัง พระเมธีวัชราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ พระครูจันทธรรมมานุวัตร รองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ ในฐานะประธานปกครองฝ่ายสงฆ์ จ.กาฬสินธุ์ และ พระครูศรีธรรมโกศล เจ้าคณะอำเภอกุฉินารายณ์ ในฐานะพระปกครองระดับอำเภอ

นายสยามพัชร์กล่าวต่อว่า วันนี้ได้เข้ามาพบกับพระครูจันทธรรมมานุวัตรและพระครูปัญญามัชฌิมานุกูลเพื่อหารือดำเนินการตามวินัยสงฆ์ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจของคณะสงฆ์ผู้ปกครองที่จะต้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าในคลิปเป็นพระจริงหรือไม่ เพื่อชี้มูลตามพระวินัยสงฆ์ เพราะพระปกครองมีอำนาจพิจารณา หากเป็นเรื่องจริงตามคลิป ส่วนตัวมองว่าพระที่อยู่ในคลิปที่ต้องมีจิตสำนึก แสดงความรับผิดชอบ ลาสิกขาบท เพื่อรักษาพระพุทธศาสนาไม่ให้เสื่อมเสีย หรือออกมาชี้แจงเพื่อพิสูจน์ความจริง

นายสยามพัชร์กล่าวว่า จากการสอบถามและตรวจสอบไปในพื้นที่ เบื้องต้นพบว่าพระที่หน้าคล้ายชายในคลิปไม่อยู่ที่วัดและออกนอกพื้นที่ไปหลายวันแล้ว แต่ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ไหน

ด้านพระครูจันทธรรมมานุวัตรกล่าวว่า ได้รับรายงานแล้ว ขณะนี้คณะสงฆ์ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และกำลังดำเนินการ เพราะตอนนี้เห็นแต่ภาพ อีกทั้งเทคโนโลยี หรือการสื่อสารต่างๆ ในปัจจุบันจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นพระรูปดังกล่าวจริง เบื้องต้นก็จะให้ออกจากพระสังฆาธิการก่อน แล้วให้ออกจากพื้นที่ ก่อนจะดำเนินการวินัยสงฆ์ให้ลาสิกขาบท

หากคลิปดังกล่าวเป็นเรื่องจริง หรือเป็นพระรูปนั้นจริงๆ เจ้าตัวน่าจะรู้อยู่แก่ใจ อยากให้ออกมาพูด มายอมรับ หากกระทำผิดกับสิ่งที่ตนเองทำ ลาสิกขาบทก็ถือว่าสิ้นสุด ส่วนทางคดีหากมีการแจ้งความ มีเจ้าทุกข์ก็ว่ากันไป ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องดำเนินการทางอาญา แต่หากไม่ผิดก็ต้องต่อสู้กันไป อย่างได้หนีหายไป หากบริสุทธิ์ใจ