ป้าไพรินทร์ เปิดใจ เสี่ยปุ๊ได้ทอง 49 บาทคืน ลั่นเอาเรื่องลุงแท็กซี่
วันที่ 27 พ.ค.67 พล.ต.ต.กัมปนาท อรุณคีรีโรจน์ ผบก.น.7 พร้อม พ.ต.อ.พายัพ สมบูรณ์ ผกก.สน.บางยี่ขัน ฝ่ายสืบสวน สน.บางยี่ขัน เชิญนายชัยพร จริยธรรมานุกูล หรือเฮียปุ๊ และ น.ส.ไพรินทร์ มาร่วมแถลงปิดคดี กระเป๋าทองหล่นหายปริศนา พร้อมส่งมอบทองคำหนัก 49 บาท คืนให้ผู้เสียหายตามจำนวนที่ได้แจ้งความไว้
พล.ต.ต.กัมปนาท กล่าวว่า สั่งการให้ผู้กำกับและเจ้าหน้าที่สืบสวน เร่งติดตามเพื่อพิสูจน์ว่าทองตกเอง หรือมีคนเอาไป ซึ่งสุดท้ายแล้วตำรวจสามารถพิสูจน์ได้ในระยะเวลา 6 วัน ดังนั้นจึงฝากเตือนประชาชนหากท่านใดพบเห็นของตกหล่น ต้องแจ้งกับเจ้าหน้าที่ ไม่งั้นจะเป็นการลักทรัพย์ เนื่องจากเป็นคดีอาญาไม่สามารถยอมความได้ต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย
ด้าน พ.ต.อ.พายัพ บอกว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเพียง 6 วัน และได้รับความร่วมมือจากประชาชน รวมทั้งสื่อมวลชน ที่ช่วยประชาสัมพันธ์ข่าวสาร จนสามารถติดตามผู้ที่กระทำผิดมาดำเนินคดีได้ อีกทั้งในเหตุการณ์ดังกล่าวยังทำให้คุณไพรินทร์ ที่ได้รับผลกระทบตกเป็นจำเลยสังคม ซึ่งภาพที่เห็นอาจจะไม่เป็นความจริง ดังนั้นตำรวจจึงสามารถพิสูจน์และไขความกระจ่างให้กับคุณไพรินทร์ได้
ขณะเดียวกันผู้เสียหายได้รับทรัพย์สินที่หายคืน ส่วนการดำเนินคดีตำรวจก็จะต้องดำเนินคดีในฐานลักทรัพย์ ถึงแม้ว่าทางผู้เสียหายจะไม่ติดใจเอาความ แต่คดีดังกล่าวเป็นอาญาแผ่นดิน ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา
ด้านเฮียปุ๊ บอกว่า วันนี้ได้นำตราชั่งมาตรวจสอบทองที่ตำรวจตรวจยึดคืนมาได้ พบทองอยู่ครบตามจำนวนน้ำหนักทอง ประกอบด้วย ทองรูปพรรณหนัก 40 บาท และทองแท่งหนัก 9 บาท ส่วนในการพูดคุยกับลุงสง่า คนขับรถแท็กซี่ ตนเองก็ติดใจในพฤติกรรม เนื่องจากลุงสง่าไม่สามารถอธิบายได้ และเหตุผลที่ลุงสง่าอธิบายฟังไม่ขึ้น จึงตัดสินใจให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฏหมาย
เฮียปุ๊ บอกอีกว่า ตนมีความเชื่ออยู่แล้วว่าจะได้ทรัพย์สินคืน เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปกราบไหว้พระที่นับถือในจังหวัดสุพรรณบุรีรวมทั้งหมด 3 วัด และพระทั้ง 3 วัดพูดเหมือนกัน ว่าจะได้ของคืนในวันที่ 27 พ.ค. จึงทำให้ตนเองมีความมั่นใจ อีกทั้งยังได้รายงานผลการติดตามหาทองอยู่ตลอด จึงทำให้ประสบความสำเร็จ หลังจากนี้ตนก็จะได้ไปบวชแก้บน ตามที่ได้ไปบนเอาไว้ว่าหากได้ทองคืนจะบวชพระให้ 3 วัน
น.ส.ไพรินทร์ ผู้ที่ทำกระเป๋าทองตกหล่น บอกว่า วันนี้รู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก อยากขอบคุณสื่อ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ช่วยติดตามจนสามารถได้ทองกลับคืนมา ที่ผ่านมาตนเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ และยอมรับว่าที่ผ่านมาไม่กล้าบอกว่าทำกระเป๋าทองหาย เนื่องจากว่ามีมูลค่าจำนวนมาก เกรงว่าจะไม่ปลอดภัยและจะตามกลับคืนมาไม่ได้ ยืนยันว่าจะเอาเรื่องกับผู้ที่เก็บทองไป เนื่องจากว่าหากเจ้าหน้าที่ติดตามนำทองคืนกลับมาไม่ได้ตนก็จะต้องรับผิด และต้องชดใช้เงินจำนวนดังกล่าว
ขณะที่ตำรวจได้คุมตัวลุงสง่าออกจากห้องสืบสวน เพื่อมาทำบันทึกกับพนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า อยากขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ทำให้หลายคนได้รับความเดือดร้อน ส่วนตนเองไม่มีเจตนาที่จะลักทรัพย์ แต่เมื่อตำรวจดำเนินคดีก็พร้อมที่จะรับโทษ โดยยืนยันว่าตนไม่มีทีวีดู ไม่มีวิทยุฟังจึงไม่รับรู้ข่าวสาร