บุกจับเจ้าของบ้าน ลอบตั้งเสาสัญญาณ ปล่อยคลื่นมือถือให้ แก๊งคอล ป่วนคนไทย

บุกจับเจ้าของบ้าน ลอบตั้งเสาสัญญาณ ปล่อยคลื่นมือถือให้ แก๊งคอล ป่วนคนไทย

เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ 20 พฤษภาคม พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ มายังสนาม ฮ.ชั่วคราว กองร้อย ตชด.134 อ.สังขละบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีที่เจ้าหน้าที่กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เข้าค้นบ้านพักจำนวน 4 หลัง ในพื้นที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ชายแดนไทย-เมียนมา

โดยมี พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7 พ.ต.อ.กฤตชัย ทองอยู่ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.สุกิจ ก้องจตุศักดิ์ ผกก.ตชด.13 พ.ต.อ.ไพฑูรย์ ศรีวิลัย ผกก.สภ.สังขละบุรี พ.อ.สุรเดช เมฆานุวงศ์ รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ พ.ต.ท.อรรถพล แพสะอาด ผบ.ร้อย ตชด.134 พ.ต.ท.เมธี ธีระสวัสดิ์ สว.ตม.จว.กาญจนบุรี นายพงษ์ศักดิ์ ทรัพยาคม ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช.ภาค 1 นายสุธิชัย ลัดดางาม ผู้อำนวยการสำนัก กสทช.เขต 13 ให้การต้อนรับ

ก่อนจะลงพื้นที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ ดูการติดตั้งเสาสัญญาณโทรคมนาคมของ กสทช. และเอกชน ในพื้นที่วัดพระเจดีย์สามองค์ ซึ่งอยู่ติดเมืองพญาตองซู ประเทศเมียนมา และบ้านทั้ง 4 หลัง ที่เจ้าหน้าที่ กสทช.เขต 13 ทหาร ฉก.ลาดหญ้า ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ได้ร่วมกันตรวจสอบไปก่อนหน้านี้

ซึ่งการลงพื้นที่ในวันนี้เป็นไปตามข้อสั่งการ และความห่วงใยของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หลังจากที่ผ่านมามีขบวนการแก็งคอลเซ็นเตอร์ ใช้พื้นที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้านในการหลอกลวงประชาชนให้ได้รับความเดือนร้อน และสร้างปัญหาสังคม เศรษฐกิจให้กับประเทศไทย โดยพบว่าขบวนการดังกล่าวลักลอบอาศัยสัญญาณอินเตอร์เน็ตและโทรคมนาคมจากประเทศไทย โดยมีประชาชนและเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา นายสุธิชัย ลัดดางาม ผอ.สำนัก กสทช.เขต 13 พร้อม นายเสนี ปะวะสาร นักวิชาการตรวจสอบและปฏิบัติการระดับสูง นายกิตติชัย อุณรุทธ์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการนโยบายและแผนปฏิบัติการระดับกลางและ นางสาว ชิราภรณ์ สุริยธนกุล นักวิชาการตรวจสอบและปฏิบัติการระดับต้น สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะผู้เสียหาย พ.อ.พงศ์พัฒน์ ห้องสินหลาก ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.อ.สุรเดช เมฆนุวงศ์ รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า ทหาร ฉก.ลาดหญ้า และ พ.ต.อ.ไพฑูรย์ ศรีวิลัย ผกก.สภ.สังขละบุรี ร่วมสนธิกำลังลงพื้นที่ ชายแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เพื่อตรวจสอบและตรวจค้นพื้นที่ เป้าหมายตามหมายค้น 5 จุด ซึ่งผลปรากฏว่าพบการกระทำผิด จำนวน 4 จุด

จุดแรก บ้านซอยพาณิชย์ 7 หมู่ที่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี โดยมี นางสาวขวัญเรือน พองขุนทด เป็นเจ้าของบ้าน ได้มีการติดตั้งจานรับส่งสัญญาณ แบบเชื่อมต่อโครงข่ายไร้สายระยะไกล พร้อมลากสายนำสัญญาณ ติดตั้งอยู่บนชั้น 3 หันไปทางโกดังของเจ้าของบ้าน โดย กสทช.ตรวจสอบแล้วไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสำนักงาน กสทช.

จุดที่สอง บ้านซอยเกษตร 4 หมู่ที่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยมี นายชวลิต รุ่งอรุณกาญจน์ เป็นเจ้าของบ้าน มีการติดตั้งเครื่องวิทยุคมนาคมแบบเชื่อมโครงข่ายไร้สายระยะไกล พร้อมลากสายนำสัญญาณติดตั้งบนเสาเหล็ก สูงประมาณ 5 เมตร โดยหันหน้าจานรับส่งสัญญาณ ไปยังทิศทางประเทศเมียนมา

จุดที่สาม บ้านซอยพาณิชย์ 7 หมู่ที่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยมี นายจออู ไม่มีชื่อสกุล เป็นเจ้าของบ้าน ได้ตั้งสถานีวิทยุคมนาคม เพื่อรับ – ส่งสัญญาณคลื่นความถี่ โดยมีการติดตั้งเครื่องวิทยุคมนาคมแบบเชื่อมโครงข่ายไร้สายระยะไกล พร้อมลากสายนำสัญญาณติดตั้งบนเสาเหล็ก สูงประมาณ 5 เมตร โดยหันหน้าจานรับส่งสัญญาณ ไปยังทิศทางประเทศเมียนมา

จุดที่สี่ บ้านซอยพาณิชย์ 2 หมู่ที่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยมี นายชัยพัชร์ หรือ นายแสวงศักดิ์ ศรีสุทธิสรรค์ เป็นเจ้าของบ้าน มีการติดตั้งเครื่องวิทยุคมนาคมแบบเชื่อมโครงข่ายไร้สายระยะไกล พร้อมลากสายนำสัญญาณติดตั้งบนเสาเหล็ก สูงประมาณ 6 เมตร โดยตรวจสอบแล้วไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสำนักงาน กสทช.

ในการตรวจค้นในครั้งนี้ ทำการ จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายชวลิต รุ่งอรุณกาญจน์ เจ้าของบ้านซอยเกษตร 4 หมู่ที่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี และ นายจออู ไม่มีชื่อสกุล เจ้าของบ้านซอยพาณิชย์ 7 หมู่ที่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน ไม่เจอตัว คือ นางสาวขวัญเรือน พองขุนทด เจ้าของบ้านซอยพาณิชย์ 7 หมู่ที่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ยังไม่พบตัว และ นายชัยพัชร์ หรือ นายแสวงศักดิ์ ศรีสุทธิสรรค์ เจ้าของบ้านซอยพาณิชย์ 2 หมู่ที่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ยังไม่พบตัว

โดย กสทช.ได้เป็นผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ว่า กระทำผิด ในข้อหา มีใช้ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตฐานตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นได้ทำการบันทึกตรวจยึดของกลางและควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า การที่ กสทช.ลงพื้นที่ตรวจสอบจับกุมขบวนการลักลอบตั้งสถานีส่งคลื่นไปยังชายแดนเพื่อนบ้านในครั้งนี้ มีการขยายผลสืบสวนว่ามีความเชื่อมโยงหรือเกี่ยวข้องสนับสนุนกลุ่มขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สร้างปัญหาหลอกลวงต้มตุ๋นทำให้ประชาชนคนไทยสูญเงินและเดือดร้อนจำนวนมาก

โดย พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผช.ผบ.ตร. ได้ลงพื้นที่ อ.สังขละบุรี โดยร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 7 ตชด. กองพิสูจน์หลักฐาน ตม. รวมถึง กสทช.ได้ร่วมกันตรวจสอบในพื้นที่และทำการประสานงานในเรื่องของการที่จะลดประสิทธิภาพและการตัดสัญญาณที่จะส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเป็นการป้องกันการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมทั้งการลักลอบเข้าเมือง และสิ่งผิดกฎหมายทั้งหมด

ด้าน นายพงษ์ศักดิ์ ทรัพยาคม ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช.ภาค 1 เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เป็นการตรวจสอบเพื่อป้องกันและปราบปรามปัญหาการใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมที่เข้าข่ายผิดกฎหมายของ กสทช.ที่กำกับดูแลอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้อุปกรณ์ Wi-Fi กำลังส่งสูง หรือแม้กระทั่งการลากสายเคเบิลใยแก้วนำแสงข้ามชายแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยได้ประชุมหารือร่วมกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติถึงแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านี้ เพื่อไม่ให้มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์สามารถประกอบการได้ และไม่ให้มีผลกระทบกับประชาชนชาวไทย

ทั้งนี้การตรวจสอบเบื้องต้นเพื่อที่จะหาข้อมูลว่าตรงไหนที่สุ่มเสี่ยงบ้าง โดยเป็นการประชุมร่วมกันว่าเราจะออกข้อกำหนดมาตรการอย่างไร และจะนำไปสู่การปฏิบัติอย่างไรให้เกิดเป็นรูปธรรมขึ้น ซึ่งได้มีการแลกเปลี่ยนแนวนโยบาย ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงาน กสทช.

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ