ยังไม่จบ คดีเพื่อนบ้านลักต่อเติมทำออฟฟิศ โผล่ยึดบ้านซ้ำอีก

ยังไม่จบ คดีเพื่อนบ้านลักต่อเติมทำออฟฟิศ โผล่ยึดบ้านซ้ำอีก

จากกรณี น.ส.อาย เข้าแจ้งความตำรวจ สน.โคกคราม ถูกเพื่อนบ้านในหมู่บ้าน ซอยรามอินทรา 58 กทม. บุกรุกเข้าไปต่อเติมเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานที่ตั้งอยู่ข้างกันหลังถูกทิ้งร้างมานานกว่า 10 ปี สุดท้ายกลายเป็นข่าวดังจึงยอมย้ายออก แต่ล่าสุดปรากฎว่าโผล่ยึดบ้านอีกรอบ พร้อมเปิดเป็นร้านขายอาหาร

โดยเรื่องนี้ น.ส.อาย เปิดเผยกับข่าวสดออนไลน์ว่า วานนี้เพิ่งจะทราบว่าบ้านตนถูกเพื่อนบ้านคนนี้เข้ามายึดทำเป็นร้านอาหาร เมื่อเข้าไปตรวจดูตอนแรกพบผู้หญิงอยู่ในบ้าน 2 คนจึงออกไปแจ้งกับตำรวจ สน.โคกคราม ให้เข้ามาช่วยติดตามดู ปรากฎว่าพอกลับมาอีกครั้งพร้อมกับตำรวจ ผู้หญิงทั้งคู่ก็หายไปแล้ว แต่ก็พบคู่กรณี โดยอ้างว่าให้คุยกับทนาย และทนายอ้างว่า

ลูกความของเขาไม่ยินยอมย้ายออก เพียงแต่ออกมาชั่วคราวเพราะถูกนักข่าวกดดัน ความจริงประตูบ้านหลังนี้ถูกล็อกปิดไปตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย.2566 หากจะเข้าไปก็ต้องงัดบ้านเข้ามาเท่านั้น แต่ตอนนี้คู่กรณีได้ล็อกกุญแจลูกใหม่ คู่กรณียังฟ้องร้องคดีแพ่งต่อเราและสามี ตั้งแต่เดือน พ.ย.2566 เรื่องการครอบครองปรปักษ์ โดยทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ได้ยื่นคัดค้านต่อศาลไปในวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว พร้อมฟ้องขับไล่คู่กรณี แต่ศาลยังไม่ได้ตัดสิน

น.ส.อาย บอกด้วยว่า ย้อนไปเมื่อปี 2555 บ้านนี้ก็ยังเป็นบ้านร้าง ไม่เคยรีโนเวทและคู่กรณียังไม่เคยเข้ามาอาศัย เจ้าตัวยังเคยพูดเองด้วยว่าเพียงแค่เข้าบ้านไปพักทานอาหารเท่านั้น หลังเกิดเรื่องครั้งแรกคู่กรณีแจ้งว่ายอมย้ายออกแล้วหลังย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านตั้งแต่ปี 2560 จึงไม่เข้าข่ายการครอบครองปรปักษ์ ซ้ำศาลเองก็ยังไม่ตัดสินคดี

การกระทำของคู่กรณีชี้ว่าต้องการได้บ้านหลังนี้ฟรี ทั้งที่ตามจริงหลังเกิดเรื่องเมื่อปีก่อนอ้างว่าจะซื้อ แต่อย่างไรเราก็จะไม่ขายและจะเอาผิดให้ถึงที่สุด ไม่รู้ว่ามีใครแนะนำให้ทำเช่นนี้หรือไม่ เกรงว่าหากคู่กรณีชนะคดีก็จะเป็นช่องว่างทางกฎหมาย และจะมีผู้อื่นถูกกระทำเหมือนกับเรา เพราะในหมู่บ้านมีบ้านร้างเยอะ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องรอการตัดสินของศาล ส่วนตัวหลักฐานและข้อกล่าวอ้างของฝ่ายคู่กรณีมีไม่เพียงพอ

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ