หนุ่มเหมาแท็กซี่ มาขโมยช้างเสี่ยงทายในวัด สุดท้ายไม่รอด

หนุ่มเหมาแท็กซี่ มาขโมยช้างเสี่ยงทายในวัด สุดท้ายไม่รอด

วันที่ 19 พ.ย.66 ผู้สื่อได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่ามีคนร้ายเข้าไปขโมยช้างเสี่ยงทาย (ทำจากทองเหลืองน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม ) ภายในวัดหัวคู้ ตั้งอยู่ในซอยถนนวัดศรีวารีน้อย ต.ศีรษะจรเข้น้อย อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 พ.ย.2566 ที่ผ่านมา โดย พระปริยัติวงศาจารย์ (ประชุม ปวโร) เจ้าอาวาส ได้มอบหมายให้กรรมการวัด เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ธนเดช ปัญญาลิขิตกุล รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ซึ่ง พ.ต.อ.โสภณ มงคลโสภณรัตน์ ผกก.สภ.บางเสาธง ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวน เร่งหาข้อมูลติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ใช้เวลาภายใน 24 ชั่วโมง ก็สามารถทราบเบาะแส

และตามจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้ทราบชื่อคือ นายประดิษฐ์ อายุ 41 ปี ชาวกำแพงเพชร ได้ควบคุมตัวไปเอาช้างเสี่ยทายที่ถูกขโมยไปจำนวน 2 ตัว นำไปฝากขายไว้ที่ร้านขายของเก่าย่านถนนอุดมสุข เขตบางนา กรุงเทพมหานคร ฝ่ายสืบสวนฯ นำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางกลับมาถึง สภ.บางเสาธง ประมาณ 14.00 น.

โดยผู้ต้องหา ขอใช้สิทธิ์ไม่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวเข้าไปสอบสวนเพิ่มเติมทราบว่า นายประดิษฐ์ ผู้ต้องหา ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง และมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เบื้องต้น แจ้งข้อหาลักทรัพย์ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พร้อมประสานไปยังตัวแทนของวัดฯ แจ้งให้ทราบ เชิญเข้ามาชี้ตัวผู้ต้องหา ส่วนช้างเสี่ยงทายของกลางที่นำกลับมา มี 1 ตัว สภาพชำรุดเสียหาย

จากนั้น ผู้สื่อข่าว ได้เดินทางไปที่วัดหัวคู้ เพื่อขอดูสถานที่เกิดเหตุ พบกับ นางศิริพร แสงหิรัญ (ป้าแอ๊ด) อายุ 64 ปี ผู้สร้างช้างเสี่ยงทายถวายวัด และ เป็นเจ้าหน้าที่ประจำวิหารหลวงพ่อเขียว และ นางสมจิต ศิริสุข อายุ 57 ปี เจ้าหน้าที่ประจำวิหารหลวงพ่อเขียว ได้ชี้จุดเกิดเหตุให้ดู และเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง กล่าวว่า คนร้ายรายนี้เข้ามาขโมยช้างเสี่ยงทาย ถึง 2 ครั้งด้วยกัน คือ ครั้งแรกในวันที่ 15 พ.ย.2566 ช่วงกลางวัน เวลาประมาณ 11.30 -12.30 น. ขโมยไปได้ 1 ตัว และกลับเข้ามาครั้งที่ 2 ในวันที่ 17 พ.ย.2566 เวลาประมาณ 8.00 น.

แต่ครั้งนี้ เหมารถแท็กซี่เข้ามาพร้อมบอกให้รอรับกลับด้วย โดยใช้เวลาก่อเหตุประมาณ 20-30 นาที เข้าในโบสถ์ทำท่าทีมาไหว้หลวงพ่อเขียว เมื่อสบโอกาส จึงยกช้างเสี่ยงทายตัวที่สอง จับใส่กระเป๋า แล้วรีบเดินหนี ออกไปขึ้นรถแท็กซี่ โดยรู้ตัวว่าช้างเสี่ยงทายถูกขโมยไปทั้งสองตัว เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 17 พ.ย.2566 จึงแจ้งเรื่องให้กับรองเจ้าอาวาสฯ

และมาเปิดกล้องวงจรปิดของวัดดูในเวลาประมาณ 10.00 น. ได้เห็นพฤติกรรมทั้งหมดของคนร้ายรายนี้ แล้วมอบหมายให้กรรมการของวัดไปแจ้งความที่ สภ.บางเสาธง ทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี และล่าสุด ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจฯ สามารถตามจับกุมตัวขโมยรายนี้ได้แล้ว ซึ่งกรรมการของวัดกำลังเข้าไปชี้ตัว และให้ปากคำ พร้อมจะขอรับช้างเสี่ยงทายกลับมาไว้ที่วัดเหมือนเดิม

สำหรับช้างเสี่ยงทาย มีชื่อเรียกด้วย คือ ตัวแรก ชื่อ เงินไหลนอง ตัวที่สอง ชื่อ ทองไหลมา วิธีการยกนั้น ผู้หญิงให้ใช้นิ้วนางยก ผู้ชายให้ใช้นิ้วก้อยยก ส่วนเรื่องคำอธิษฐานขึ้นอยู่กับผู้ขอว่าจะให้ยกขึ้น หรือ ไม่ขึ้น พร้อมกล่าวติดตลก ทิ้งท้ายว่า เห็นคนร้ายนั่งไหว้หลวงพ่อเขียวอยู่นาน สงสัยนั่งขออธิษฐาน ว่าถ้าขโมยสำเร็จ ขอให้ยกช้างเสี่ยงทายเข้ากระเป๋าได้

จากนั้นเห็นว่าคนร้ายสามารถยกช้างเสี่ยงทายได้แบบเบา ๆ เข้ากระเป๋าได้โดยง่าย แต่สุดท้าย ก็หนีไม่รอด ถูกตำรวจตามจับมาดำเนินคดีได้โดยเร็วภายในไม่เกิน 24 ชั่วโมง หรืออาจเป็นเพราะบารมีหลวงพ่อเขียวที่ศักดิ์สิทธิ์มาก

สำหรับช้างเสี่ยงทายมีราคาไม่สูง แต่มีคุณค่าทางใจมาก สำหรับประชาชนผู้ที่ศรัทธาเลื่อมใส รองลงมาจากหลวงพ่อเขียวเลยก็ว่าได้ ดังนั้น ต่อไป หากมีผู้ใดคิดจะมาก่อเหตุแบบนี้อีก ขอจงเลิกคิด เพราะคุณจะไม่สมหวังและถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับติดคุกแน่นอน ดูรายนี้เป็นตัวอย่าง

ข่าวโดย บัณฑิต ชวาลา ผู้สื่อข่าวจังหวัดสมุทรปราการ

เรียบเรียง มุมข่าว by siamnews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ