สาวแทบเป็นลม บ้านไม่มีคนอยู่ 30 ปี กลับมาดูอีกที โดนเพื่อนบ้านยึดเปิดบริษัท

สาวแทบเป็นลม บ้านไม่มีคนอยู่ 30 ปี กลับมาดูอีกที โดนเพื่อนบ้านยึดเปิดบริษัท

จากกรณี นางสาวอาย อายุ 27 ปี แฟนสาวของหลานเจ้าของบ้าน ร้องเรียนทาง ช่อง 8 หลังซื้อบ้านเมื่อปี 2534 ต่อมาทิ้งร้างไว้ 30 ปี ล่าสุดวันที่ 1 ก.ย.66 ญาติแฟนหนุ่ม ให้ตนและแฟนหนุ่มเข้าไปดูที่บ้านพักที่ได้ซื้อไว้เพื่อจะทำการรีโนเวตเป็นของขวัญการใช้ชีวิตคู่ระหว่างตนและแฟนหนุ่ม

ลุงของแฟนหนุ่มซื้อบ้านทาวน์โฮมสองชั้น ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย. 2534 ในราคา 490,000 บาท เนื้อที่ 20 ตารางวา ลักษณะบ้านช่วงที่ซื้อไม่มีหลังคาจอดรถหน้าบ้าน และประตูรั้วบ้านเป็นประตูรั้วเหล็กธรรมดา จากนั้นทิ้งไว้นาน 30 ปี

ปี 2560 มีเพื่อนข้างบ้านที่ทำบริษัทเข้ามารุกล้ำในบ้านของตน โดยถือวิสาสะต่อเติมบ้านตนทำหลังคาจอดรถและปรับปรุงประตูรั้วบ้านใหม่ คล้ายต่อเติมบ้านทำเป็นบ้านเพื่อนบ้านเอง

ปี 2561 เพื่อนบ้านที่รุกล้ำบ้านเอารถมาจอดหน้าบ้านอย่างไม่เกรงใจ

ปี 2562 เพื่อนบ้านทำบ้านที่ตนซื้อเป็นสำนักงานของเพื่อนบ้าน แล้วได้ต่อเติมพื้นที่ด้านหลังบ้านของตนมาเชื่อมกับบ้านเพื่อนบ้านที่ทำบริษัท โดยที่ครอบครัวตนไม่ทราบก่อนหน้านี้

ปี 2566 เพื่อนบ้านก็ยังคงใช้บ้านตนทำบริษัทของเจ้าตัวอยู่ หลังครอบครัวตนทราบเรื่องก็ได้เข้าไปเจรจากับเพื่อนบ้านดังกล่าว และต้องตกใจเมื่อเข้าบ้านที่ตัวเองซื้อ พบคนอื่นมาอยู่แถมวางของในบ้านพัก ทำเป็นบริษัทของตนเอง มีการจอดรถจักรยานยนต์ในบ้านพัก วางสินค้าท่อประปา ส่วนหลังบ้านทำเป็นครัวเปิดโล่ง จัดวางของกระจัดกระจาย

พอตนได้คุยกับผู้ที่บุกรุกพักอาศัยในบ้านพักตนก็ทราบว่าเป็นพนักงานของบริษัทชิ้นส่วนประปา ซึ่งให้ข้อมูลเพียงว่า บ้านของตนไม่ได้ล็อกประตูไว้จึงเข้ามาอยู่ ซึ่งเจ้าของบริษัทบอกว่าสามารถเข้ามาอยู่ได้ แต่ในส่วนรายละเอียดลึกๆตนไม่ทราบข้อมูล

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าทางครอบครัวเดือดร้อนมากจึงต้องร้องทนายเดชา รวมถึงทีมข่าวช่อง 8 ให้ช่วยเหลือ

ผู้ร้องเรียนยังได้เปิดคลิปหลักฐานขณะเข้าไปในบ้านพักของตนที่ซื้อทิ้งไว้ 30 ปีแล้ว เพื่อนบ้านบุกรุกเข้ามาพักอาศัยอยู่ โดยในคลิปจะได้ยินเสียงของเพื่อนบ้านที่บุกรุกเข้ามาให้เหตุผลว่า บ้านเปิดไว้ตลอด ไม่มีคนอยู่มาประมาณ 30 ปีแล้วมั้ง โดยพยายามติดต่อเจ้าของบ้านเพื่อที่จะขอซื้อ แต่ถ้าไม่ให้ซื้อก็จะเช่า โดยเคยมาเดินดูบ้านหลายครั้งก็เห็นเป็นบ้านร้างจึงคิดจะมาปรับปรุงบ้านพักของเพื่อนบ้านเท่านั้น เพื่อที่จะดูแลบ้านช่วย แต่ถ้าเจ้าของบ้านมาแล้วจะให้ตนออกจากบ้านพักหลังนี้ตนก็ยินยอม แต่ขอเรียกค่าใช้จ่ายที่เสียไปก่อนหน้านี้เพราะต่อเติมบ้านไป เท่านั้น

ขณะที่ทางด้านเพื่อนบ้าน บอกว่าไม่ได้มาบุกรุก แต่เป็นในลักษณะมาดูแลบ้าน ช่วยเจ้าของบ้านเท่านั้นเพราะเป็นเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกัน ก็มีการต่อเติมบ้านให้ และยังยืนยันอีกว่าบริเวณด้านหลังที่มีการเชื่อมต่อเติมระหว่างบ้านพักผู้ร้องเรียนและบริษัทของน้องสาว ไม่ได้เชื่อมติดกับบ้านพักของผู้ร้องเรียน แต่เป็นในลักษณะต่อเติมจากบริษัทน้องสาว พร้อมฝากไปบอกเจ้าของบ้านตัวจริง ว่าอยากติดต่อเพื่อซื้อขายจะได้พูดคุยหรือเคลียร์ใจกัน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ