เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอความยาว 7.02 นาที ระบุว่า “ทุกการตัดสินใจเพื่อแก้วิกฤตให้ประชาชน” โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ร่วมชี้แจงสิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังได้รับไม้ต่อจาก พรรคก้าวไกล (ก.ก.) เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ยืนยันว่าทุกการตัดสินใจเพื่อแก้วิกฤตให้ประชาชน ไม่ใช่การเล่นละคร ไม่ได้ตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว แต่สลายขั้ว

นพ.ชลน่านกล่าวว่า พอแคนดิเดตพรรคก้าวไกลไม่ได้รับเลือก แคนดิเดตก็ประกาศภารกิจให้พรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ พอเราถึงทางตัน ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ ภายใต้รัฐธรรมนูญ ภายใต้ ม.272 อย่างนี้ เรามีทางเลือก 3 ทางคือ 312 แพคกันแน่น พยายามตั้งรัฐบาลให้ได้ ซึ่งก็มีข้อเสนอว่าให้รอ 9-10 เดือน ทางเลือก 2 คือแบ่งฟากเลยว่าซีกนู้นก็จัดตั้งรัฐบาล แต่ 188 เขามีความสามารถพิเศษ ถ้าเสนอชื่อนายกฯจากซีกเขาเข้าสู่ที่ประชุมร่วมรัฐสภาก็ได้นายกฯทันที

หากเราอยู่อีกด้านหนึ่ง สิ่งที่เป็นผลพวงที่ไม่อยากให้เกิดคือจะถูกกระทำเหมือน พรรคไทยรักไทย เหมือน พรรคพลังประชาชน หรือไม่ จะเปลี่ยนจำนวน ส.ส.ของพรรค 312 เสียงหรือไม่ เรื่องพวกนี้เพื่อไทยคิดหนักนะครับ ทางเลือกที่ 3 คืออยู่ตรงกลาง ทำยังไงให้ซีกหนึ่งมาร่วมกับเรา อีกซีกมาช่วยสนับสนุนเราภายใต้ข้อจำกัด” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าว

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ช่วงที่ 2 ที่เราไปดำเนินการ เราถามพรรคก้าวไกล ถามพรรคร่วมต่างๆ ว่าให้เราไปดำเนินการนั้น มีกรอบ หรือมีความเห็นอย่างไรให้เรา คำพูดชัดเจนว่า หนึ่ง ไปหาการสนับสนุนจากวุฒิสภา (ส.ว.) สอง ไปหาการสนับสนุนจากพรรคต่างๆ ในสภาผู้แทนราษฎร เราถามว่าถ้าเกิดไปทั้ง 2 อย่างแล้วมีทางตันจะทำอย่างไร จึงมี ข้อ 3 คือให้อยู่ในดุลพินิจของพรรคเพื่อไทย ดังนั้น เรารับมา 3 โจทย์

นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า เราเริ่มจาก ส.ส. แต่มีเวลาน้อย ทั้งนี้ สิ่งที่เห็นเป็นเอกาพด้วยกันคือเขาอย่ากร่วมรัฐบาล เพราะรู้ว่ามีวิกฤตประเทศ แต่ทั้งหมดมีเงื่อนไขว่าไม่อยากได้พรรคที่เสนอ ม.112 แม้กระทั่งถ้าพรรคก้าวไกลเลิกเรื่อง ม.112 เขาก็ยังมีความเห็นว่าไม่สบายใจที่จะทำงาน เราให้เขาพูดต่อสาธารณะว่ามีความคิดเรื่องนี้อย่างไร

นี่ไม่ใช่การเล่นละคร แต่อยากให้เห็นชัดเจนว่าระดับหัวหน้าพรรค เลขาฯของแต่ละพรรคมีจุดยืนยังไง เราไปหา ส.ว. แบ่งสายกันคุย ออกมาเหมือนกันดังที่ประกาศผ่านสื่อ นายภูมิธรรมระบุ

นายภูมิธรรมระบุอีกว่า เลยตัดสินใจว่าคงแยกออกมา ได้บอกเขาไปว่าถ้าอย่างนั้นคงต้องยุติ MOU ยุติข้อผูกมัดกัน ดังนั้น เรากลับมาทบทวนดูว่าถ้าทำอย่างเดิมก็ได้ผลอย่างเดิม ถ้าทำอย่างใหม่จะทำยังไง เราเริ่มต้นด้วยการมองปัญหาที่เป็นวิกฤตประเทศ ซึ่งมี 3 เรื่อง วิกฤตรัฐธรรมนูญ วิกฤตเศรษฐกิจ และความขัดแย้ง

เพื่อไทยลงทุนเรื่องนี้ด้วยความสูญเสียความเชื่อมั่น สูญเสียความไม่สบายใจไปเยอะ แต่เราคิดว่านั่นเป็นต้นทุนที่ต้องจ่าย ถ้าต้องการให้ผลสำเร็จของการแก้ความขัดแย้งกลับมา เราถึงบอกว่าเราไม่ได้ข้ามขั้ว เราสลายขั้ว

ถ้าเราตัดสินใจผิดแล้วมีปัญหา เราเชื่อว่าเราจะรับผิดชอบและเชื่อว่าประชาชนจะพิจารณา แต่ถ้าตัดสินใจแล้วสามารถคลี่คลายวิกฤตได้ แสดงว่าเรามองนอกกรอบกระบวนทัศน์เดิม และเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจ คิดว่าประชาชนให้โอกาสเรา นายภูมิธรรมกล่าว

ด้านนายประเสริฐกล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ตั้งในสถานการณ์พิเสษ มีข้อจำกัดและเงื่อนไขพอสมควร พรรคเพื่อไทยไม่ได้คำนึงถึงตัวพรรคเอง แต่มองเห็นประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก อยากเห็นประเทศเดินหน้า

ทั้งนี้ ท้ายคลิปยังยืนยันว่า ทุกการตัดสินใจเพื่อแก้วิกฤตให้ประชาชน